ไม่อยากท้องแข็งบ่อย ห้ามทำแบบนี้!

แม่ท้องอย่าเผลอทำเชียว! เพราะกิจกรรมกลุ่มนี้ ยิ่งทำยิ่งท้องแข็ง! ห้ามทำอะไรบ้าง? มาดูกันค่ะ

***มาทำความรู้จักกับอาการท้องแข็งกันก่อนค่ะ อาการนี้เมื่อแม่ท้องลูบคลำท้องจะพบก้อนแข็งๆ ตึงๆ และเป็นหายอยู่หลายครั้ง อาจมีอาการปวดเสียวเกร็งท้องน้อยด้วย ซึ่งจะรู้สึกชัดเจนในช่วงไตรมาสที่ 3 ค่ะ วันละ 3-4 ครั้ง มาดูกันค่ะ ว่าแม่ท้องต้องห้ามทำอะไรเพื่อลดอาการนี้***

1.ห้ามทำงานหนัก!

หากพบอาการท้องแข็งสิ่งแรกที่ควรทำคือลดงานบ้านทั้งในบ้านและนอกบ้านค่ะ เพราะการที่แม่ท้องเคลื่อนไหวร่างกายอย่างรุนแรง อีกทั้งความเครียดจากการทำงาน ยิ่งส่งผลกระตุ้นให้มดลูกเกิดการบีบตัวและท้องแข็งได้ค่ะ 

2.ห้ามกลั้นปัสสาวะ!

หากแม่ท้องต้องการปัสสาวะควรเข้าห้องน้ำทันทีค่ะ เพราะการกลั้นปัสสาวะไว้เป็นเวลานาน กระเพาะปัสสาวะจะขยายตัวแล้วเข้าไปกดมดลูกทำให้มดลูกเกิดการเกร็งตัวและมีอาการท้องแข็งได้ค่ะ

3.ห้ามนอนเลย หลังกินเสร็จ!

หลังคุณแม่รับประทานอาหารทุกครั้งต้องทำการย่อยอาหารก่อนค่ะ ด้วยการนั่งหลังตรงหรือการเดินย่อยอาหารประมาณ 15-30 นาที แล้วค่อยนอนค่ะ เพราะการนอนเลยจะทำให้แม่ท้องเกิดการจุกเสียดท้องซึ่งมีผลให้เกิดอาการท้องแข็งได้ค่ะ

4.ห้ามทานอาหารที่มีแก้ส!

อาหารที่สามารถพบแก้สได้ เช่น น้ำอัดลม และรวมไปถึงผักบางชนิด เช่น ผักตระกูลกระหล่ำปลี และถั่วชนิดต่างๆ หากกระเพาะพบแก้สจำนวนมากทำให้แม่ท้องเกิดอาการจุกเสียดและมีผลกระทบต่อการเกิดอาการท้องแข็งได้เช่นกันค่ะ

5.ห้ามมีเพศสัมพันธ์ขณะท้อง!

ในช่วงตั้งครรภ์ขอให้คุณพ่อคุณแม่อดใจรอสักหน่อยนะคะ เพราะการมีเพศสัมพันธ์จะทำให้มดลูกเกิดการกระแทกอย่างรุนแรง ซึ่งมีผลให้มดลูกเกิดการบีบตัวได้และเป็นอาการท้องแข็งได้ค่ะ

6.ห้ามลูบคลำท้องบ่อย!

การลูบคลำท้องรวมไปถึงบริเวณเต้านมซึ่งเป็นส่วนที่ไวต่อความรู้สึกและสามารถกระตุ้นให้มดลูกเกิดการบีบตัวได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องแข็งได้ค่ะ

***ในช่วงนี้หากพบอาการท้องแข็งให้แม่ท้องเคลื่อนไหวร่างกายให้น้อยที่สุด นั่งพักมากขึ้น ทานอาหารที่ย่อยง่ายไม่ทานในปริมาณจะช่วยให้ท้องเบาสบาย หากยังไม่หายดีและอาการรุนแรงมากขึ้นให้พบแพทย์ทันทีนะคะ***

“แม่เฝ้ารอเจอหน้าลูก ในทุกๆวินาทีที่อุ้มท้อง”