แม่ท้องเช็คตัวเองด่วน!! ลักษณะคนท้องที่บอกว่า ลูกในท้องแข็งแรงสมบูรณ์ มี 5 ลักษณะตามนี้เลย
ดูเสร็จอย่าลืมกดติดตามเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคุณแม่และลูกน้อยด้วยนะคะ^^
1.ดูจากน้ำหนักตัวของคุณแม่
ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ น้ำหนักจะไม่ค่อยเพิ่มเพราะแพ้ท้องหรือทานไม่ครบ 5 หมู่ เมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 คุณแม่บางคนก็อยากทานทุกอย่างที่ขวางหน้า บางคนกลับรู้สึกว่าไม่อยากจะกินอะไรเอาสักอย่างเลย ต้องพยายามหาวิธีเพิ่มน้ำหนักเอาให้ได้ เนื่องจากว่าการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัวคุณแม่ มีผลต่อเด็กในท้องนั่นเองค่ะ ซึ่งตัวเลขที่ดีที่สุดคือ คุณแม่ควรมีน้ำหนักเพิ่ม 13-15 กิโลกรัมในระหว่างที่ตั้งครรภ์ แต่ตัวเลขนี้ก็ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวคุณแม่ก่อนตั้งครรภ์ด้วยนะคะ
2.หน้าท้องของคุณแม่และการวัดความสูงของยอดมดลูก
ขนาดหน้าท้องก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สามารถบอกได้ว่าลูกในท้องแข็งแรงหรือไม่ค่ะ แต่ทั้งนี้ก็ไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าลูกในท้องจะมีขนาดตัวเล็กหรือใหญ่ เพราะบางคนก็มีหน้าท้องที่เล็กแม้จะตั้งครรภ์ได้หลายเดือน
ในระหว่างการตั้งครรภ์ หากทารกในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรง ทารกก็จะมีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดมดลูกสูงขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ตั้งครรภ์ ตั้งแต่สัปดาห์ที่ 18 ถึงสัปดาห์ที่ 34 ซึ่งวิธีวัดความสูงยอดมดลูกนั้นสามารถบอกได้ว่าสุขภาพของทารกในครรภ์นั้นเป็นอย่างไร ทารกตัวใหญ่แค่ไหน และยังสามารถบอกอายุครรภ์ได้อีกด้วย ซึ่งถ้าหากว่าระดับยอดมดลูกผิดปกติ ก็อาจบ่งบอกได้ว่าอาจมีภาวะทารกโตช้าในครรภ์ หรือลูกตัวใหญ่เกินเกณฑ์ได้
ลักษณะการเต้นของหัวใจ มีส่วนสำคัญกับลูกในท้องเป็นอย่างมาก ซึ่งอัตราการเต้นของหัวใจของทารกในครรภ์ควรอยู่ระหว่าง 110 – 160 ครั้งต่อวินาทีค่ะ เนื่องจากว่าเป็นอัตราที่บ่งบอกว่าทารกมีการเจริญเติบโตที่ดี ซึ่งในแต่ละไตรมาสตำแหน่งการตรวจอัตราการเต้นของหัวใจลูกก็จะแตกต่างกัน คุณแม่ไม่ต้องตกใจนะคะถ้าลองฟังเสียงหัวใจทารกในครรภ์แล้วไม่ได้ยิน เพราะคุณแม่อาจจะหาตำแหน่งของทารกไม่เจอค่ะ
ซึ่งคุณหมอจะทำการตรวจอัตราการเต้นของหัวใจทารกโดยใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ หากทารกในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรงและไม่ขาดออกซิเจน เมื่อคุณแม่มีอายุครรภ์ตั้งแต่ 28 สัปดาห์ขึ้นไป ก็จะส่งผลให้อัตราการเต้นของหัวใจทารกเร็วขึ้นในตอนที่ทารกดิ้น
4.ระดับฮอร์โมน
เมื่อผู้หญิงตั้งครรภ์สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป คือ ฮอร์โมน เพราะฮอร์โมนเป็นตัวการที่ทำให้คุณแม่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งทางด้านร่างกาย และอารมณ์ค่ะ ซึงระดับฮอร์โมนที่สำคัญที่ต้องดูเราเรียกว่า ฮอร์โมนเอสโตรเจน และฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน โดยปกติแล้วคนท้องควรมีค่าฮอร์โมนเอสโตรเจนประมาณ 1,200 กรัม เพื่อที่จะช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของมดลูก และช่วยให้ทารกในครรภ์มีสุขภาพที่ดีด้วยค่ะ
5.เช็คการดิ้นของทารกในครรภ์
วิธีการนับลูกดิ้น ก็เป็นอีกวิธีที่คุณแม่สามารถสังเกตความแข็งแรงและประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์ได้ ซึ่งคุณแม่จะสามารถรับรู้การดิ้นของลูกในท้องได้ในช่วงอายุครรภ์ตั้งแต่ 16 – 20 สัปดาห์ขึ้นไป การที่ทารกดิ้นน้อยลง มักเกิดร่วมกับภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรัง และอยู่ในภาวะอันตราย โดยทารกจะดิ้นน้อยลงหรือหยุดดิ้นเป็นเวลา 12 – 48 ชั่วโมง ก่อนที่จะเสียชีวิต คุณแม่จึงต้องคอยสังเกตการดิ้นของทารก หากพบว่าทารกดิ้นน้อยลง นับเป็นสัญญาณอันตรายที่ต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว โดยเฉพาะเมื่อตั้งครรภ์ตั้งแต่ 32 สัปดาห์ขึ้นไป
แต่อย่างไรก็ตามต้องเน้นย้ำว่า การตั้งครรภ์เป็นความเสี่ยงของคุณแม่และทารกในครรภ์ตลอดการตั้งครรภ์และการคลอด” เพราะทางการแพทย์ยังไม่สามารถติดตามดูทารกได้ตลอดเวลา ยังต้องอาศัยความร่วมมือในการนับการดิ้นของทารกในครรภ์ของมารดาเพื่อช่วยบอกความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งความรู้ ความเข้าใจและร่วมมือกันระหว่างแพทย์และครอบครัวก็จะลดปัญหาและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้