เคยได้ยินไหมคะว่า กำลังท้องกำลังไส้ ห้ามกินโน่นกินนี่ เดี๋ยวลูกไม่แข็งแรง เดี๋ยวลูกตายในท้องบ้างละ อะไรจริงไม่จริงมาดูกัน!!
ดูเสร็จอย่าลืมกดติดตามเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคุณแม่และลูกน้อยนะคะ^^
1.ความเชื่อ : กินเผ็ดแล้ว ลูกจะผมน้อย
บางคนเชื่อว่าอาหารเผ็ดร้อนจะไปรดหัวเด็ก ความจริงแล้วนะคะ ผมของลูกมากหรือน้อยนั้น เป็นไปตามกรรมพันธุ์ของแต่ละคน ส่วนความเชื่อเรื่องห้ามกินเผ็ดนั้น คงเป็นเพราะกลัวคุณแม่จะปวดท้อง ถ่ายลำบาก หรือไม่ก็ท้องเสีย เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของแม่ตั้งครรภ์เองมากกว่า เพราะในช่วงตั้งครรภ์ระบบย่อยอาหารจะผิดไปจากเดิม เนื่องจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป อาจจะมีปัญหาในการย่อยอาหาร หรือการขับถ่าย ทำให้ท้องอืดท้องเฟ้อได้ง่าย
2.ความเชื่อ : ดื่มน้ำมะพร้าวมาก ๆ จะช่วยให้ลูกผิวสวยและช่วยล้างไขตามตัว
ความจริงแล้วนะคะ จริง ๆ แล้วการมีไขที่ติดตามตัวเด็กจะทำให้เด็กคลอดง่าย เพราะเป็นเหมือนน้ำมันหล่อลื่นเคลือบตัวเด็กขณะผ่านช่องคลอดออกมา เจ้าไขตัวนี้สร้างขึ้นมาจากเซลล์ผิวหนังของเด็กและต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ยิ่งอายุครรภ์มากขึ้นไขก็จะมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้หลังคลอดใหม่ ๆ ไขที่คลุมตัวเด็กจะช่วยคุมอุณหภูมิของลูกไม่ให้ต่ำเกินไปได้ด้วย หมอจึงมักปล่อยให้ไขติดอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนจะล้างทิ้งเมื่อแน่ใจว่าเด็กคุมอุณหภูมิตัวเองได้แล้ว การรีบล้างไขออกโดยเร็วอาจทำให้ลูกตัวเย็นผิดปกติ และเป็นอันตรายได้
ส่วนน้ำมะพร้าวนั้น มีน้ำตาลและกรดไขมันอิ่มตัวเพียบ กินมากจะทำให้ลูกตัวโตแต่ไม่แข็งแรง และแม่ตั้งครรภ์ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไขมันอุดหลอดเลือดได้สูงขึ้น ดังนั้นถ้าน้ำหนักตัวขึ้นมากอยู่แล้วก็ควรงดเสีย
3.ห้ามกินกล้วยน้ำว้า เชื่อว่าจะทำให้เด็กตัวใหญ่คลอดลำบาก เพราะในสมัยก่อนนั้นจะใช้หมอตำแยทำคลอด ถ้าเด็กตัวใหญ่มากก็ทำให้คลอดได้ยากและเป็นอันตราย ข้อนี้ถ้าพูดกันตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วน่าจะเป็นเพราะกล้วยน้ำว้านั้นมีคุณค่าทางอาหารสูง จึงไม่แปลกที่เด็กจะได้รับการบำรุงจนสมบูรณ์และตัวใหญ่
4.ความเชื่อ : ห้ามดื่มชา กาแฟ เพราะอาจแท้งได้
ความจริงแล้วมีการศึกษาวิจัยการดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนของแม่ท้องกว่า 1,063 คน พบว่า แม่ท้องที่บริโภคปริมาณคาเฟอีนเกินกว่า 200 มิลลิกรัมต่อวัน (ประมาณกาแฟ 2 ถ้วยต่อวัน) อาจส่งผลให้เกิดการแท้งบุตรได้มากถึงร้อยละ 25 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า จะห้ามดื่มเลย แต่ก็ต้องมีลิมิตไม่เกิน 1 แก้วต่อสัก 2-3 วัน อาจจะจิบ ๆ พอหายอยาก การดื่มชา กาแฟมากเกินไปก็ทำให้นอนไม่หลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือบางคนอาจเกิดท้องผูก ซึ่งจะมีผลกับสุขภาพของแม่ตั้งครรภ์ ยิ่งหากแม่นอนน้อย นอนไม่หลับส่งผลถึงการเติบโตและพัฒนาการของลูกในท้องได้
5. ความเชื่อ : กินน้ำมันปลาแบบเม็ด จะทำให้เลือดแข็งตัวช้า
ความจริงแล้ว น้ำมันปลา หรือ Fish oil นี้ ไม่เหมือนกับน้ำมันตับปลา แต่เป็นไขมันของปลาซึ่งมีกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่จําเป็นต่อร่างกาย คือ กรดไขมันในกลุ่มโอเมก้า 3 ที่เป็นส่วนประกอบสําคัญของเซลล์หรือเนื้อเยื่อของร่างกาย รวมทั้งสมอง เม็ดเลือดชนิดต่าง ๆ และการสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย อีกทั้งยังช่วยลดอาการอักเสบของข้อกระดูกที่แม่ท้องมักพบเจอได้ด้วย แต่แม่ท้องก็ไม่ควรกินน้ำมันปลาสกัดเม็ดมากเกินไป แต่ควรกินน้ำมันปลาที่มีอยู่ในปลาชนิดต่าง ๆ เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลากะพงแดงแทน และยังพบได้ในกุ้งและปูทะเล รวมถึงธัญพืชต่าง ๆ อย่าง ถั่วเหลือง ข้าวโอ๊ต ถั่วอัลมอนด์ เมล็ดฟักทอง เป็นต้น เพราะในอาหารจะมีความสมดุลของกรดไขมันต่าง ๆ อย่างพอเหมาะ และราคาถูกกว่าด้วย
นอกจากนี้แม่ตั้งครรภ์ควรหยุดกินอาหารเสริมน้ำมันปลาที่เป็นเม็ดหรือแคปซูล เมื่อตั้งครรภ์ 6-7 เดือน เพราะน้ำมันปลา จะทําให้เกล็ดเลือดจับตัวกันลดลง ซึ่งแม้จะช่วยไม่ให้เกิดการอุดตันในหลอดเลือด แต่อาจทําให้เลือดแข็งตัวช้าเมื่อเกิดบาดแผลหรือผ่าตัด
6.ความเชื่อ : ห้ามกินผักที่เป็นเครือเถา เพราะจะทำให้คลอดยาก
ความจริง แล้วคนสมัยก่อนแก้เคล็ดด้วยการเด็ดมือของผักพวกนี้ก่อน ที่ว่าพืชลักษณะนี้มีเส้นสายยึดรัดทำให้เด็กคลอดยาก จริง ๆ แล้วแม่ท้องสามารถกินได้ไม่จำกัดประเภทผักเลย โดยเฉพาะพวกผักใบเขียวต่าง ๆ เช่น ผักบุ้ง ตำลึง คะน้า ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ และฟักทอง ถ้ากินได้ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะจะทำให้ได้วิตามินที่สำคัญต่อการเติบโตของเยื่อบุตาและต่อมการทำงานของตาลูก
7ห้ามกินเนื้อวัว คนล้านนามีความเชื่อว่าถ้าคนท้องกินเนื้อวัว เนื้อตัวของเด็กที่คลอดออกมาจะเต็มไปด้วยไขมันและล้างออกยาก แต่โดยส่วนตัวแล้วคิดแค่ว่ามันเป็นอาหารที่ย่อยได้ยาก ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดท้องผูกและริดสีดวงทวาร
หลังจากได้รู้ความจริงของความเชื่อในเรื่องอาหารการกินที่นำมาฝากกันแล้ว ต่อไปแม่ตั้งครรภ์คงเข้าใจและเลือกกินอาหารได้อย่างสบายใจ เพื่อความปลอดภัยกับทั้งตัวแม่และลูกในท้องนั่นเอง