ส่องไฟอย่างไรไม่รบกวนพัฒนาการลูก มาดูเทคนิคที่ถูกต้องกันเลย!!
อย่าลืมกดติดตามเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคุณแม่และลูกน้อยด้วยนะคะ^^
ทารกในครรภ์สามารถกะพริบตา เพื่อตอบสนองต่อแสงไฟที่กระตุ้นได้ตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 7 เดือน การส่องไฟที่หน้าท้องไม่จำเป็นต้องไปเล็งว่าแสงจะเข้าตรงกับนัยน์ตาของลูกหรือไม่ เพียงแค่ให้ลูกรู้ว่ามีแสงส่องเข้ามาก็พอแล้ว
พัฒนาการของดวงตาทารก เริ่มหลังจากมีการปฏิสนธิไม่นาน และพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
o อายุครรภ์ 32 วัน เริ่มมองเห็นเลนส์ตา
o อายครรภ์ 8 สัปดาห์ เริ่มสร้างเปลือกตา
o อายุครรภ์ 11 สัปดาห์ มีเปลือกตาคลุมสนิท หลับตา
o อายครรภ์ 13 สัปดาห์ เริ่มสร้างน้ำตา
o อายุครรภ์ 20 สัปดาห์ เริ่มมีการแยกของเปลือกตาบนและล่าง
o อายุครรภ์ 28 สัปดาห์ เริ่มลืมตาได้ มีการตอบสนองต่อแสง มีขนตา มีการเคลื่อนไหวของตา rapid eye movement และมีวงจรการนอนหลับ เด็กมีการหลับและตื่น
o อายุครรภ์ 30 สัปดาห์ ลืมตาได้เต็มที่
ขณะอยู่ในท้องแม่ แสงจากธรรมชาติในเวลากลางวัน สามารถทะลุผ่านผิวหนังหน้าท้อง และผนังมดลูก เข้าไปภายในมดลูกได้ มากพอที่จะทำให้ลูกแยกความแตกต่างของโทนสี ขาว ดำ เทา ได้ ช่วยกระตุ้นการพัฒนาการของดวงตาและการมองเห็น
งานวิจัยยืนยันแสงไฟฉายกระตุ้นพัฒนาการทารกในครรภ์ได้!!
มีผลการทดลองและงานวิจัยที่ยืนยันให้เราทราบว่า ทารกสามารถมองเห็นตั้งแต่ในครรภ์นั้น โดยได้ทำการทดลองฉายแสงผ่านเข้าสู่มดลูก ขณะที่แสงผ่านจะเห็นว่าทารกมีปฏิกิริยาตอบสนอง กล่าวคือมีการเต้นของหัวใจที่เร็วกว่าปกติ มีการเปลี่ยนแปลงของคลื่นสมอง เมื่อทดลองเพิ่มแสงสว่างมากขึ้น ทำให้เกิดแสงจ้า ลูกน้อยในครรภ์ก็จะยกมือขึ้นปิดหน้าผากเพื่อบังแสง ซึ่งดูแล้วน่าอัศจรรย์อย่างยิ่งค่ะ
มาดูวิธีการส่องไฟที่ถูกต้องกันเลยค่ะ
ก่อนอื่นสำหรับไฟฉายที่ใช้สำหรับส่องท้องนั้น ควรเป็นแบบ 2 ท่อน 3 ท่อน หลอดธรรมดา ห้ามใช้แบบหลอดแรงสูงเด็ดขาด เพราะแสงที่จ้าเกินไปอาจเกิดอันตรายต่อจอประสาทตาของทารกได้
1.นำไฟฉายส่องไปที่หน้าท้อง แล้ววนเป็นรูปวงกลมรอบสะดือช้า ๆ เพื่อกระตุ้นสมองส่วนที่รับรู้แสง ทารกในครรภ์จะเคลื่อนไหวและสนใจแสงไฟ แต่ถ้าส่องนานและบ่อยเกินไปเจ้าหนูจะเริ่มเบื่อได้ และความสนใจจะน้อยกว่าตอนที่เริ่มส่องไฟ
2.ในเวลากลางคืน คุณแม่อาจให้คุณพ่อใช้ไฟฉายส่องที่หน้าท้อง โดยเปิดและปิดสลับกันไปมา พร้อมกับบอกลูกในทุกครั้งว่า “แม่จะเปิดไฟแล้วนะ ลูกมองเห็นแสงหรือเปล่า และแม่จะปิดไฟแล้วนะลูกมองไม่เห็นแล้วใช่ไหม”
3. นอกจากไฟฉายแล้วคุณแม่อาจใช้ สัญญาณไฟกะพริบ แต่ควรวางห่างจากบริเวณหน้าท้องพอสมควร ที่สำคัญแสงที่ต้องไม่จ้าจนเกินไป การกระตุ้นโดยการใช้แสงกะพริบเช่นนี้ จะช่วยให้ลูกปรับสภาพการมองเห็นได้ดีขึ้น
4. เมื่อคุณแม่ส่องไฟทารกภายในครรภ์จะมีการตอบสนอง เช่น การถีบหน้าท้องหรือการดิ้น แสดงว่า เจ้าตัวน้อยรับรู้และเกิดการตอบสนองนั่นเอง
5. นอกจากการกระตุ้นด้วยไฟฉายส่องท้อง คุณแม่ควรออกไปยืนรับแสงแดดอ่อน ๆ นอกบ้านช่วงเช้าหรือบ่าย ควรเลือกแสงที่มีความสว่างไม่จ้าจนเกินไป ถือเป็นการกระตุ้นทารกน้อยอีกวิธีการหนึ่งเช่นกัน