ระหว่างตั้งท้องเป็นช่วงที่สภาพร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งรูปร่าง ฮอร์โมน ต่าง ๆ อาจทำให้คุณแม่ปรับจิตปรับใจไม่ทัน อารมณ์คนท้อง เดี๋ยวดีเดี๋ยวโมโหร้าย เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวร้องไห้ จะรับมือยังไงดี ไปดูกัน
ดูเสร็จอย่าลืมกดติดตามเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคุณแม่และลูกน้อยด้วยนะคะ^^
“ไม่ใช่ฉันหรอกนะ แต่ว่ามันคือฮอร์โมนที่ทำให้ฉันว่าคุณ”
ถ้าคุณไปพบคุณหมอหรืออ่านหนังสือเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ คงคุ้นหูกับเจ้าฮอร์โมนที่มีชื่อว่า hCG ฮอร์โมนนี้จะถูกผลิตออกมามากในช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งจะมีผลในการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจของคุณแม่ท้อง และจะโทษฮอร์โมนอย่างเดียวก็คงไม่ใช่ทั้งหมด อาการหงุดหงิดดังกล่าวที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากความเครียดด้วย ความกังวลเกี่ยวกับทารกในครรภ์ ประกอบกับความคล่องตัวหรือกิจกรรมหลายๆ อย่างที่คุณเคยชื่นชอบและทำได้ก่อนหน้าจะตั้งครรภ์ ต้องพลันมางดไปเสีย และช่วงนี้คุณกับสามีอาจจะใกล้ชิดกันน้อยลงทางร่างกาย เนื่องจากสรีระที่เปลี่ยนไป สิ่งที่คุณควรจะทำในระหว่างนี้ คือตั้งสติและคุยกันดีๆ กับสามีของคุณ อธิบายให้เขาเข้าใจว่า มันเกิดอะไรขึ้น อย่าปล่อยให้ใครต้องแบกรับภาระ หรือเรื่องเครียดๆ เอาไว้เพียงฝ่ายเดียว เพราะนั่นอาจจะหมายถึง ระเบิดเวลาที่คุณทั้งคู่ค่อยๆ ตั้งไว้ และรอวันระเบิดจนเกิดความบาดหมาง ที่สำคัญคุณสามีฝ่ายที่อยู่ดีมีสุข ไม่ต้องแบกรับอะไร ต้องหมั่นสังเกตและใส่ใจภรรยาให้มากกว่าเดิม
แม่ท้องเขาโวยวายเรื่องอะไรบ้าง แม้แม่ท้องส่วนใหญ่จะรู้ว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาจากฮอร์โมนแต่ก็สุดจะต้านทานได้ และเรื่องที่คุณพ่อมักจะโดนวายวายอยู่บ่อยๆ ก็หนีไม่พ้นเรื่องเหล่านี้
• ทุกสิ่งที่สามีพูดออกมาฟังแล้วไม่เข้าหูเอาซะเลย
• ทุกอย่าง ทุกท่าทางที่เขาแสดงออกดูจะขัดหูขัดตาคุณไปเสียหมด
• แม้กระทั่งเสียงหายใจที่เบาสุดๆ แต่คุณก็รู้สึกว่ามันแรงเกินไป
• ท่าเดินของเขาดูแล้วน่าโมโห
• คุณรังเกียจมากเวลาที่เขามาแตะต้องตัว มากอด มาหอมแก้ม
• ฉันอุ้มท้องเหนื่อยจะตาย แต่เขายังมาขอให้ฉันทำกับข้าวให้กินอีก
• เขายังเล่นสนุก แต่คุณต้องทุกข์แบกท้องโตๆ อยู่คนเดียว
• เวลาคุณขออะไรเขาต้องทำให้ทันที มิฉะนั้นคุณจะโกรธมาก ทั้งที่เมื่อก่อนคุณเคยรอได้
ใช้เวลาไม่นานหรอก จะปรับตัวได้
หลังจากการปรับตัวตลอดช่วงเวลา 3 เดือนมาแล้ว และก้าวสู่เดือนที่ 3-6 คุณแม่เริ่มคุ้นชินกับบทบาท "ฉันคือแม่ตั้งครรภ์" คุณแม่ส่วนใหญ่เริ่มอารมณ์ผ่อนคลายขึ้น เริ่มเรียนรู้ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นที่ตามมาได้ง่ายขึ้น รู้สึกถึงสิ่งมีชีวิตน้อย ๆ ที่อยู่ในครรภ์ ยามลูกดิ้นเป็นวินาทีอันยิ่งใหญ่ที่ยากจะบรรยายถึงความหมายของความเป็นแม่และลูก
ท้องอ่อน ๆ กับอารมณ์แปรปรวน
เมื่อแรกเริ่มท้องใน 3 เดือนแรก ความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ไม่ว่าจะอาการอ่อนเพลีย คลื่นไส้ เต้านมคัดตึง และอารมณ์ที่เปลี่ยนไปสุดขั้ว บางทีรู้สึกมีความสุขแว๊บเดียวก็เศร้าได้ อาการซึมเศร้าฟูมฟาย ร้องไห้ไม่มีเหตุผล เนื่องมาจากความกังวลจากการตั้งครรภ์ของคุณแม่มือใหม่สารพันปัญหาความกังวล เช่น จะคลอดลูกอย่างไร จะเลี้ยงลูกอย่างไร จะต้องย้าย หรือแยกห้องไหม ฯลฯ ในช่วงนี้ต้องอาศัยกำลังใจ คนใกล้ชิดโดยเฉพาะว่าที่คุณพ่อคือคนที่เป็นกำลังสำคัญที่สุด
ใกล้คลอด ขอกอดอีกที (นะพ่อ)
เมื่อความอุ้ยอ้ายมาเยือน ร่างกายคุณแม่เริ่มมีเนื้อมีหนัง น้ำหนักตัวมากขึ้น เดินเหินหยิบจับอะไรไม่สะดวก ช่วยตัวเองไม่ได้เหมือนก่อน ยิ่งใกล้คลอดก็จะกังวลเรื่องการคลอด กลัวลูกไม่แข็งแรงสารพันปัญหากังวล
การเอาใจใส่ และกำลังใจเป็นเรื่องสำคัญ คนรอบข้าง คือยาชูกำลังที่ทำให้แม่ตั้งครรภ์ปรับอารมณ์ในแต่ละวันอย่างมีความสุข โดยเฉพาะคุณพ่อให้ดูแลใส่ใจคุณแม่เป็นพิเศษ อย่าให้มีการน้อยใจเป็นอันขาด ควรใช้คำพูดที่ให้ความเชื่อมั่นว่าจะอยู่เคียงข้างเป็นพลังทางบวกให้คุณแม่ผ่านทุกสิ่งไปได้
ออกกำลังกาย ควบคู่การตั้งครรภ์
การออกกำลังกายทำได้หลายรูปแบบ การออกกำลังกายสำหรับแม่ท้องก็ควรเป็นอะไรที่เบา ๆ ผ่อนคลาย แขน ขา และจิตใจไปด้วย จะช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเดินชมสวน ชมธรรมชาติ ทำงานอดิเรกที่ชื่นชอบ รวมถึงการทำจิตใจให้สงบสบาย
หากเมื่อใดที่คุณแม่รู้สึกไม่สบายใจ หรือมีควรกังวลขึ้นมา ลองใช้วิธีเรียนง่าย ๆ ที่ทำได้เองทุกเวลาอย่างการนั่งพักทำใจสบาย ๆ ในมุมที่โปรด ห้องที่มีอากาศถ่ายเท ผ่อนคลายกล้ามเนื้อทุกส่วน ค่อย ๆ หลับตา หายใจเข้าออกลึก ๆ ช้า ๆ คิดถึงแต่เรื่องราวดี ๆ ภาพที่สวยงาม ครั้งละประมาณ 5-10 นาที ไปพร้อม ๆ กับเสียงเพลงเบา ๆ จะพบว่าความสุขอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง