เข้าสู่การท้องไตรมาสที่ 3 โดยเฉพาะช่วงเดือนที่ 7 ขึ้นไปใกล้คลอดขึ้นมาทุกที อาการหลายอย่างอาจจะไม่ราบรื่น แม่ท้องต้องเจออะไรบ่อยบ้างมาดูกัน
ดูเสร็จอย่าลืมกดติดตามเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคุณแแม่และลูกน้อยด้วยนะคะ^^
อาการเหนื่อยง่ายเมื่อครรภ์ใหญ่ขึ้น
อาการเหนื่อยง่ายเมื่อครรภ์ใหญ่ขึ้นเกิดขึ้นเนื่องจากมดลูกขยายใหญ่ขึ้นตามขนาดตัวของเด็กที่เติบโตภายในครรภ์ มดลูกจะดันกระเพาะอาหาร และลำไส้ขึ้นบน ส่งผลให้กระบังลมถูกดันสูงขึ้น นอกจากนั้นมดลูกยังดันผนังหน้าท้อง ให้ยื่นออกมา ทั้งกระบังลมและผนังหน้าท้องมีส่วนช่วยในการหายใจ จึงไม่แปลกใจที่คุณจะรู้สึกหายใจลำบากเมื่อครรภ์ใหญ่ขึ้น อาการเหนื่อยง่ายเมื่อครรภ์ใหญ่ขึ้นพบได้บ่อย เนื่องจากหัวใจต้องสูบฉีดเลือดเพิ่มมากขึ้น เลือดบางส่วนต้องไปเลี้ยงลูกในครรภ์ เลือดส่วนที่ไปเลี้ยงบริเวณขาจะไหลกลับสู่หัวใจลำบาก โดยเฉพาะเวลายืนหรือเดิน โดยส่วนตัวแล้วนอกจากจะเหนื่อยเวลาเดิน แล้ว แค่นั่งคุยอยู่เฉย ๆ ก็รู้สึกเหนื่อยแล้วละค่ะ
หากคุณเดินแล้วเหนื่อยหรือเกิดอาการหายใจลำบาก ควรค่อย ๆ นั่งยอง ๆ โดยใช้มือใดมือหนึ่งเกาะเสาหรือหลักให้แน่น ควรสูดหายใจลึก ๆ ให้เต็มปอด เลือดจะกลับสู่หัวใจมากขึ้น และเลือดบางส่วนจะไปเลี้ยงสมองมากขึ้น ช่วยลดอาการเหนื่อยและหายใจลำบากได้ดี แนะนำควรมียาดมติดกระเป๋าไว้เลยก็ดีค่ะ
ในไตรมาสที่สามของการตั้งครรภ์ ราวๆ สัปดาห์ที่ 31 มดลูกขยายใหญ่ขึ้นจนไปกดที่ปอดของคุณแม่ ทำให้ปอดขยายได้ไม่เต็มที่ คุณแม่จึงรู้สึกหายใจลำบาก เหมือนกำลังวิ่งมาราธอน หรือกำลังเดินขึ้นบันไดอยู่นั่นเอง
ถึงแม้ว่า คุณแม่จะรู้สึกหายไม่สะดวก และไม่สบายตัว แต่อาการเช่นนี้ไม่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ เนื่องจากทารกในครรภ์มีการเก็บสะสมออกซิเจนอย่างเพียงพอผ่านทางรก
หากคุณแม่มีภาวะหายใจติดขัดรุนแรง จนริมฝีปากและปลายนิ้ว ซีดหรือเปลี่ยนเป็นสีม่วง หรือมีอาการเจ็บหน้าอก ชีพจรเต้นเร็ว หรือไออย่างต่อเนื่อง ควรรีบไปพบคุณหมอทันที
ในกรณีคุณแม่ท้องที่เป็นโรคหอบหืด ควรอยู่ภายใต้การดูแลของคุณหมออย่างใกล้ชิด เพื่อควบคุมไม่ให้อาการกำเริบระหว่างตั้งครรภ์ เนื่องจากหากเกิดภาวะหายใจติดขัดรุนแรง จะทำให้ออกซิเจนจากแม่ที่ส่งไปยังทารกในครรภ์ลดลง ทำให้ทารกขาดออกซิเจน ส่งผลต่อพัฒนาการของลูกน้อย ทารกอาจเจริญเติบโตช้าหรือตัวเล็กกว่าเกณฑ์ปกติ
สำหรับคุณแม่ที่มีภาวะโลหิตจาง หรือขาดธาตุเหล็ก ในเม็ดเลือดแดงจะมีฮีโมโกลบินที่นำออกซิเจนจากปอดไปเลี้ยงเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ ทั่วร่างกาย และถ่ายออกซิเจนไปยังรก หากคุณแม่มีภาวะเลือดจางทำให้มีออกซิเจนในเลือดที่ไปเลี้ยงรกน้อย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ถึงขั้นเสียชีวิตได้
อย่างไรก็ตามคุณแม่ท้องสามารถป้องกันภาวะโลหิตจางได้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูง
ทำอย่างไรเมื่อแม่ท้องหายใจไม่สะดวก
1.ยืดตัวให้ตรงเพื่อให้ปอดมีพื้นที่ในการหายใจ
2.ท่านอนคนท้อง ควรนอนตะแคงซ้าย จะทำให้มดลูกไม่กดเส้นเลือด ทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตในร่างกายทำงานได้ดี
3. เสื้อผ้าไม่รัดโดยเฉพาะเสื้อในและกางเกงไม่ควรรัดเต้า รัดท้อง
คุณแม่ท้องไม่ควรทำกิจกรรมที่ต้องออกแรงเยอะ หรือออกกำลังกายหนักเกินไป เพราะจะทำให้หายใจไม่ทัน
อาการหายใจไม่สะดวกจะหายไปเมื่อไหร่
คุณแม่จะหายใจได้สะดวกขึ้นเมื่อทารกกลับหัวลงสู่อุ้งเชิงกราน ทำให้ปอดกลับมามีพื้นที่ในการหายใจดังเดิมค่ะ
อาการอะไรบ้างที่ต้องรีบปรึกษาแพทย์ในไตรมาสที่ 3?
2. ปัสสาวะแสบ ขัด หรือเป็นเลือด
4. เลือดออกจากช่องคลอด ซึ่งอาจเป็นอาการนำของการตกเลือดก่อนคลอด
5. ทารกในครรภ์ดิ้นน้อย หรือไม่ดิ้น
6.ตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นเหม็นหรือคันช่องคลอด
8. มีอาการของการเจ็บครรภ์คลอด คือ ท้องแข็งเป็นก้อนเป็นพักๆ ทุก 10 นาทีหรือน้อยกว่า การเจ็บครรภ์สม่ำเสมอและถี่ขึ้นเรื่อยๆ