น้ำคร่ำน้อย น้ำคร่ำมาก เรื่องนี้สำคัญมาก มาดูกันว่าส่งผลยังไงกับทารกในครรภ์ เพราะอาจเกิดกับคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ทุกท่านค่ะ แล้วคุณแม่ละคะ คิดว่าแบบไหนอันตรายกว่ากันคะ?
ดูเสร็จอย่าลืมกดติดตามเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคุณแม่และลูกน้อยด้วยนะคะ^^
น้ำคร่ำนั้น สร้างมาจากทั้งฝ่ายแม่และลูก โดยในช่วงเริ่มต้นน้ำคร่ำจะมาจากสารน้ำที่ซึมผ่านรกเข้ามาจากหลอดเลือดของทารก ต่อมาเมื่อทารกเริ่มพัฒนาระบบปัสสาวะ จึงมีน้ำคร่ำที่มาจากน้ำปัสสาวะของทารกเป็นส่วนใหญ่ และส่วนที่เหลือนั้นมาจากสารน้ำของปอดที่สร้างและหลั่งออกมาทางหลอดลม
1. เป็นเกราะป้องกันอันตรายต่อทารก
2. ทำให้ทารกมีการเคลื่อนไหวอยู่ภายในถุงน้ำคร่ำได้ซึ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
3. ป้องกันแรงกระทบกระเทือนที่จะมีต่อทารก
4. รักษาอุณหภูมิของทารกในครรภ์ให้คงที่
5. ป้องกันทารกติดเชื้อจากแบคทีเรียชนิดต่างๆระหว่างที่อยู่ในครรภ์
6. เป็นแหล่งให้สารอาหารแก่ทารก
7. แรงดันน้ำในโพรงน้ำคร่ำมีส่วนช่วยขยายปากมดลูกเมื่อเจ็บครรภ์คลอด
ความผิดปกติของน้ำคร่ำแบบไหน แบบไหนอันตราย!!
น้ำคร่ำมากไป เกิดจากหลายสาเหตุ ดังนี้
1.คุณแม่ตั้งครรภ์มีโรคเบาหวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบาหวานที่ควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดี
2.เกิดจากทารกในครรภ์มีความพิการ
3.ทารกมีก้อนเนื้องอกที่ใบหน้า
4.การตีบตันของหลอดอาหารตั้งแต่อยู่ในครรภ์
น้ำคร่ำมากไป มีผลเสียดังนี้
1.ทำให้มดลูกถูกดันจากแรงดันภายในให้ยืดขยายออกไปมากกว่าปกติ
2.คุณแม่จะรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ค่อยออก
3.มดลูกจะโตมากผิดปกติ ทำให้ไปกดทับหลอดเลือด ทำให้เลือดที่ไหลเวียนจากส่วนล่างของร่างกายกลับไปยังหัวใจไม่สะดวก
4.มีอาการบวมมือบวมเท้าหรือบวมตรงปากช่องคลอด
กรณีที่ น้ำคร่ำมากเกินไป ต้องทำการระบายน้ำคร่ำออก โดยการเจาะและดูดน้ำคร่ำออกเป็นระยะๆจนกว่าคุณแม่จะคลอด หรือ ถ้าตรวจว่าคุณแม่เป็นเบาหวาน คุณแม่ต้องใช้ยาควบคุมระดับน้ำตาลให้ดีค่ะ
ดูแลตัวอย่างไรเมื่อมีน้ำคร่ำมาก!
1. พักผ่อนให้มาก งดทำงานหนัก
2.ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ที่ฝากครรภ์ไว้เสมอ
3.หากเป็นเบาหวาน ควรควบคุมระดับน้ำตาล
น้ำคร่ำแห้ง หรือ น้ำคร่ำน้อยไป เกิดจากหลายสาเหตุ ดังนี้
1.ถุงน้ำคร่ำรั่ว ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนกำหนด
3.คุณแม่มีภาวะแทรกซ้อนครรภ์เป็นพิษ ความดัน เบาหวานหรือโรคอื่นๆ
ผลเสียที่เกิดจาก น้ำคร่ำน้อยไป มีดังนี้
1.สายสะดือรัดคอเด็กได้ง่ายเนื่องจาก เลือดและออกซิเจนไปเลี้ยงไม่ดี
2.ถ้ามีสิ่งมากระแทกหน้าท้องของคุณแม่ อาจส่งผลกระเทือนไปถึงทารกในครรภ์ได้ค่ะ
3.เสียสมดุลการปรับอุณหภูมิในมดลูกที่ทารกอยู่
4.ลูกเคลื่อนไหวไม่สะดวก กล้ามเนื้อต่างๆของลูกไม่ได้รับการพัฒนา
5.สายสะดืออาจถูกกดทับ โดยตัวของทารกเองจนเสียชีวิตในครรภ์ได้
ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อมีน้ำคร่ำน้อย
1.ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และพยาบาล
2.พบแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
3.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่
5.สังเกตและนับการดิ้นของทารกในครรภ์ ว่ามีความผิดปกติอย่างไร ถ้าพบผิดปกติไปจากเดิม ควรต้องรีบพบแพทย์
6.งดดื่มเหล้า และ งดสูบบุหรี่
7.รักษา ควบคุมโรคประจำตัว ให้อย่างดี