
แต่ละเดือนแม่ท้องและลูกในท้องต้องเจอการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่อย่างไรบ้าง? เราสรุปมาให้แล้วค่ะ!!
ดูเสร็จอย่าลืมกดติดตามเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ด้วยนะคะ
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าตัวเองท้องอาการตัวอย่างเช่น ง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา มีอาการเพลียเหมือนไม่สบาย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นแน่ ๆ เลยนั่นคือจะขาดประจำเดือนหากไม่แน่ใจว่าท้องหรือเพราะเครียดแนะนำให้ซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจถ้าผลออกมาว่าท้องให้รีบไปฝากครรภ์ค่ะ
พัฒนาการทารกในครรภ์ เดือนที่ 1 ปฏิสนธิ
หลายท่านอาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตั้งครรภ์แล้วเดือนแรกนี้ สร้างเป็นตัวอ่อน หลังจากหนึ่งสัปดาห์ ไข่ที่ได้รับการผสมแล้วจะฝังตัวที่ผนังมดลูก ซึ่งถือว่ากระบวนการปฏิสนธิสมบูรณ์แล้ว
ได้แก่ อาการแพ้ท้อง เช่น แพ้ท้องตอนตื่นนอน เวียนหัว คลื่นไส้ในตอนเช้าๆ หลังตื่นนอน หรือเวลาลุกจากที่นอน โดยเฉพาะเวลาท้องว่าง จึงอาจทำให้คุณแม่วิงเวียน เป็นลมเพราะน้ำตาลในเลือดต่ำได้ หรือ อาการแพ้ท้องอีกแบบคือ อยากกินของแปลกๆ หรือเบื่อ เหม็นอาหาร เป็นเพราะฮอร์โมนที่สูงขึ้นในขณะตั้งครรภ์ช่วงแรกๆที่ทำให้คุณแม่ไม่ค่อยรับรู้รสชาติ กินอะไรไม่ค่อยอร่อย ซึ่งหากรู้สึกไม่อยากกินก็ควรกินทีละน้อยๆ แต่กินบ่อยๆ เพื่อป้องกันอาการคลื่นไส้ โดยไม่ขาดอาหารค่ะ
พัฒนาการทารกในครรภ์ เดือนที่ 2 พัฒนาการเบื้องต้น
เดือนนี้นะคะ จะเริ่มเห็นศีรษะของทารก ใบหน้า ดวงตา แขน ขาพัฒนาขึ้นมาอย่างชัดเจน
ในช่วงสัปดาห์ที่ 6 หากมีการตรวจอัลตราซาวด์ จะพบว่าหัวใจทารกเริ่มเต้น และอาจเห็นว่า ทารกขยับไปมา
ปวดศีรษะ
ด้วยเพราะฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปและความกังวลใจอ่อนไหวง่าย เศร้าง่าย จะดีขึ้นเมื่อเข้าสู่การตั้งครรภ์ในเดือนที่ 4 ช่วงนี้คุณแม่ควรทานนมหรือเสริมแคลเซียมด้วยเพราะจะถูกเจ้าตัวน้อยในท้องแย่งไปสร้างกระดูกและฟัน
อาการท้องผูก ถ่ายยาก มดลูกเริ่มขยายตัวจนส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร จึงควรทานผักที่มีกากใย และดื่มน้ำมากๆค่ะ
สำคัญมากควร ดูแลผิวพรรณ ป้องกันท้องลาย
หน้าท้อง เริ่มยืดตัวและขยายขนาดขึ้น หน้าท้อง ต้นขา ต้นแขน หรือสะโพก แห้งและแตกลายได้ ควรทาโลชั่นบำรุงผิวทุกวันเพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นรองรับการยืดขยายได้ดี เริ่มทาตั้งแต่รู้ว่าท้องเลยจะดีมากๆค่ะ
พัฒนาการทารกในครรภ์ เดือนที่ 3 ระบบเซลล์สมองพัฒนา
อวัยวะบนหน้าของทารกเกือบจะสมบูรณ์แล้ว เพียงแต่ตายังปิดอยู่เท่านั้น นิ้วมือและนิ้วเท้าพัฒนาจนสมบูรณ์และงอได้ด้วย และเล็บเริ่มงอกยาว ในช่วงนี้ทารกมีความต้องการแคลเซียมจำนวนมากเพื่อเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ทารกจะมีขากรรไกร เหง้าฟันแท้ทั้ง 32 ซี่ ที่ซ่อนอยู่ในปุ่มเหงือกอย่างครบถ้วน
ร่างกาย เนื่องจากอวัยวะส่วนต่างๆ ที่สำคัญ เช่น มดลูก ผิวหนัง และอื่นๆ ในร่างกายคุณแม่จะต้องการเลือดมาหล่อเลี้ยงเพิ่มมากขึ้นอีกเท่าตัวเลยค่ะ เพราะไตรมาสนี้ลูกในท้องก็มีพัฒนาการที่เร็วมากๆเช่นกัน
มดลูกที่ขยายใหญ่ขณะตั้งครรภ์กดทับหลอดเลือดดำในช่องท้องของคุณแม่ ความดันในหลอดเลือดจึงสูงขึ้น และทำให้หลอดเลือดเล็กๆ โคนขา และน่องของคุณแม่ โป่งพองเป็นเส้นเลือดขอดขึ้น ป้องกันเส้นเลือดขอดได้ ด้วยการไม่นั่งหรือยืนห้อยขานานๆ นอกจากนี้เวลาคุณแม่นอน ควรหนุนเท้าให้สูงขึ้นเล็กน้อย เพื่อให้เลือดไหลเวียนกลับมาที่หัวใจได้ดีขึ้น
พัฒนาการทารกในครรภ์ เดือนที่ 4 รู้เพศลูก
ใบหน้าของทารกพัฒนาขึ้นใกล้สมบูรณ์แล้ว คิ้วและขนตาเริ่มขึ้น ผิวจะออกสีชมพู และใสจนเห็นเส้นเลือดปอดเริ่มมีการพัฒนาขึ้น ขนและผมจะเริ่มงอกทั่วร่างกาย ลิ้นของทารกมีการพัฒนาปุ่มรับรสขึ้นมา ทารกเริ่มรับรู้แสงได้แล้ว ช่วงนี้คุณพ่อคุณแม่ควรพูดคุย หรืออ่านหนังสือ ร้องเพลงให้ลูกฟังบ่อย ๆ เพราะลูกได้ยินแล้ว อวัยวะเพศเริ่มพัฒนาขึ้น เช่น ลูกอัณฑะของเด็กผู้ชาย และช่องคลอดของเด็กผู้หญิง
เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายเดือนที่ 4 เข้าเดือนที่ 5 คุณแม่จะมีความรู้สึกตื่นเต้นยินดีเป็นครั้งแรก เพราะรู้สึกได้แล้วว่าลูกดิ้นโดยจะเป็นความรู้สึกเหมือนมีปลามาตอดตุบๆ อยู่ในท้องนั่นเอง
ท้องคุณแม่จะใหญ่ เอวจะหายไปชัดเจน ผิวหนังตามบริเวณต่างๆ ของคุณแม่เช่น ใบหน้า แขน ไหล่ จะปรากฏให้เห็นเป็นเส้นเลือดฝอยที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
ฮอร์โมนที่ทำให้ระบบการย่อยเปลี่ยนไป ร่วมกับกระเพาะอาหารและลำไส้ถูกเบียดถูกกดจากมดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้น ดังนั้นช่วงนี้ระวังริดสีดวงด้วยนะคะ และในเดือนนี้จะเริ่มรู้สึก ตกขาวมากขึ้นกว่าเดิมค่ะ หากไม่แสบไม่คัน ไม่เป็นไรควรดูแลให้ดีไม่ให้อับ เปลี่ยนกางเกงใน ได้เลยจะดีค่ะ
พัฒนาการทารกในครรภ์ เดือนที่ 5 รับรู้โลกภายนอก
ช่วงนี้ทารกในครรภ์ จะโตเร็วมาก รู้สึกว่าลูกดิ้นบ่อย ทารกเริ่มมีเปลือกหุ้มเส้นประสาทไขสันหลัง ผมที่หนังศีรษะเริ่มพัฒนาขึ้น หัวใจมีการเต้นเป็นจังหวะ คุณแม่สามารถฟังเสียงหัวใจเต้นของลูกได้ด้วยเครื่องฟังเสียงหัวใจทารก ฟันน้ำนมของทารกเริ่มพัฒนาขึ้นในเหงือกแล้ว สัมผัสรับรู้ในด้านต่าง ๆ ทั้งรสชาติ กลิ่น และเสียง ถึงแม้ว่าตาจะยังปิดแต่ทารกจะสัมผัสถึงแสงจ้าได้ รวมทั้งยังรู้สึกเมื่อคุณแม่ลูบท้องเบา ๆ
ช่วงนี้อาจมีโอกาสเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้ กล้ามเนื้อในทางเดินระบบปัสสาวะหย่อนตัวลงได้ จึงควรดื่มน้ำให้พียงพอ ไม่อั้นปัสสาวะ และหารู้สึกปัสสาวะแสบขัด ควรไปพบแพทย์
กรดที่ช่วยย่อยอาหารในกระเพาะของคุณแม่ลดน้อยลง อาหารยังคงค้างอยู่ในกระเพาะอาหารนานขึ้น นอกจากนี้เวลาที่ลูกดิ้นยังทำให้เกิดการกดทับของกระเพาะอาหาร เกิดเป็นกรดไหลย้อนจนทำให้คุณแม่รู้สึกแสบร้อนกระเพาะอาหาร
พัฒนาการทารกในครรภ์ เดือนที่ 6 ทารกเริ่มตอบโต้
ในระยะนี้คุณแม่จะรู้สึกว่าทารกบิดตัวไปมา และระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายพัฒนา
ร่างกายของทารกมีการพัฒนาเซลล์เม็ดเลือดแดงขึ้นมาจำนวนมาก และเริ่มผลิตเม็ดเลือดขาว
ฝ่ามือฝ่าเท้าของทารกเริ่มพัฒนาให้มีลายมือลายเท้าชัดมากขึ้น ทารกมีการกลืนน้ำคร่ำ บางครั้งจะมีอาการสะอึก ทำให้คุณแม่รู้สึกเหมือนลูกกระตุกอยู่ในท้อง ในเพศหญิงจะมีการสร้างรังไข่ขึ้นมา และเพศชายจะพัฒนาลูกอัณฑะขึ้นมาจนชัดเจน และมีการสร้างฮอร์โมนเพศชาย นั่นคือฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน เซลล์สมองทารกสามารถจดจำ และเรียนรู้ได้บ้างแล้ว ดังนั้นจึงควรกระตุ้นพัฒนาการทารกด้วยการเรียกชื่อลูก เปิดเพลงให้ฟัง ร้องเพลงให้ฟัง
ท้องที่ใหญ่ ทำให้นอนหลับได้ไม่สบายตัว หากคุณแม่มีอาการเพลียง่วงนอนตอนกลางวันเพราะนอนไม่หลับตอนกลางคืน ควรหาเวลางีบหลับกลางวันบ้างสักพัก สัก 10-20 นาที ก็จะช่วยได้ค่ะ
ร่างกายของคุณแม่จะมีการเริ่มสร้างหัวน้ำนมขึ้นแล้ว หากบังเอิญมีการคลอดก่อนกำหนด และเพื่อสร้างสะสมไว้ให้ลูก คุณแม่จึงอาจสังเกตเห็นว่ามีน้ำนมสีเหลืองใสๆ ออกมาจากหัวนมได้
น้ำหนักมากขึ้น กระดูกสันหลังส่วนล่างนูนออก เพราะถูกมดลูกดัน ทำให้เส้นประสาทเกิดการบาดเจ็บ หากคุณแม่ยืนนาน เดินนาน ควรหาเข็มขัพยุงครรภ์ใส่จะช่วยลดอาการปวดและเส้นเลือดขอดได้ และในเดือนที่ 7 นี้แม่ท้องอาจมีอาการท้องแข็งได้ เช่น ท้องแข็งเพราะลูกโก่งตัวหรือท้องแข็งเพราะกินอิ่ม ไม่มีอันตรายไม่ต้องกังวลค่ะ
พัฒนาการทารกในครรภ์ เดือนที่ 7 แม่จ๋า..หนูลืมตาได้แล้วนะ
ทารกเริ่มลืมตา และระบบนัยน์ตาพัฒนาขึ้นเกือบสมบูรณ์ สมอง พัฒนาขึ้น จนโตเต็มกะโหลกศีรษะ และมีร่องหยักบนเนื้อสมอง ทารกจะขยับตัวเมื่อได้ยินเสียงดัง จังหวะการเต้นของหัวใจจะเปลี่ยนตามแสงและเสียงที่ทารกรู้สึก ขนอ่อนตามร่างกายเริ่มหลุดร่วง มีเหลือไว้เฉพาะที่บริเวณไหล่ และหลังทารกจะปัสสาวะลงในน้ำคร่ำประมาณวันละครึ่งลิตร
ในเดือนที่ 8 ร่างกายของทารกจะดูเหมือนทารกแรกเกิด คุณแม่อาจมีการเจ็บท้องเตือน เนื่องจากมดลูกบีบตัว
อาการที่คุณแม่จะเจอในเดือนนี้ได้แก่
ถ้าทารกเคลื่อนตัว อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมบริเวณช่องเชิงกรานในท่าเตรียมคลอดแล้ว จะรู้สึกได้ว่าหายใจสะดวกขึ้น แต่หากลูกน้อยยังไม่กลับศีรษะลงหรือขยับตัวลงมาเตรียมคลอด จะทำให้คุณแม่ยังรู้สึกหายใจลำบากอยู่
เพราะบริเวณข้อต่อของกระดูกเชิงกรานคุณแม่จะหย่อนตัวลง ดังนั้นเวลา ลุก เดิน นั่ง นอน ค่อยเปลี่ยนท่าทางช้าๆค่ะ
พัฒนาการทารกในครรภ์ เดือนที่ 8 เตรียมคลอด
ทารกเริ่มกลับตัวให้อยู่ในท่าศีรษะลง ทารกจะรับรู้ความมืด และสว่างจากการสะท้อนของแสง ผ่านทางผนังหน้าท้องของคุณแม่ เปิดปิดเปลือกตา เริ่มกะพริบตาถี่ ๆ รูม่านตาจะเริ่มขยาย
อาจปวดท้องบ่อยเป็นครั้งๆเพราะมีอาการมดลูกหดเกร็งตลอด มีมูกขาวข้นออกบ้างและรู้สึกลูกดิ้นน้อยลง สำคัญคือ หากมีอาการปวดหลังตลอดเวลาไม่หาย ซึ่งเป็นอาการใกล้คลอดปกติค่ะ การมีมูกเลือดออก เป็นการบอกว่าจะได้เจอเจ้าตัวน้อยแล้ว
พัฒนาการทารกในครรภ์ เดือนที่ 9 ต้อนรับสมาชิกใหม่
ในเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ทารกจะอยู่ในตำแหน่งที่พร้อมคลอด และคุณแม่ก็พร้อมจะคลอดได้ทุกเมื่อเช่นกัน ต่อมหมวกไตจะเร่งสร้างฮอร์โมนเพิ่มความสมบูรณ์ของปอด เพื่อเตรียมการหายใจครั้งแรกในชีวิตที่ต้องออกจากครรภ์ของคุณแม่ ผิวหนังของทารกยังคงมีไขสีขาว เพื่อช่วยหล่อลื่นให้ทารกคลอดได้ง่ายขึ้น แลด้วยสัญชาติญาณของทารกลูกจะเรียนรู้การคลอดออกมาได้เองค่ะ คุณพ่อคุณแม่เตรียมรอกอดได้เลย