สำหรับแม่ท้อง ราชกิจจานุเบกษา ประกาศใช้ ประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร ค่าฝากครรภ์ และ ค่าคลอด ลดภาษี สูงสุด 60,000 บาท ซึ่งสรุปได้ว่า
และ คุณแม่ ยังสามารถ ลดหย่อนภาษีบุตร ได้อีก จำนวน 30,000 บาท
คำว่า “บุตร” หมายถึง บุตรโดยกฎหมาย หรือบุตรบุญธรรมที่จดว่าเป็นบุตรบุญธรรมตามกฎหมาย สามารถหักลดหย่อนได้ คนละ 30,000 บาท โดยในกรณีที่เป็นบุตรโดยกฎหมายสามารถหักได้ไม่จำกัดจำนวนคน แต่ถ้าเป็นบุตรบุญธรรมหรือมีทั้งบุตรบุญธรรมและบุตรชอบด้วยกฎหมายอยู่ในความดูแลรวมกัน จะหักได้สูงสุดไม่เกิน 3 คน นับเฉพาะที่มีชีวิตอยู่นะคะ มีเงื่อนไขดังนี้
คุณแม่ที่เป็น ผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือ ผู้ประกันตนภาคบังคับ ที่ทำงานอยู่ในบริษัท เป็นลูกจ้าง และส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมทุกเดือน สามารถเบิกค่าคลอดบุตรได้ 13,000 บาท ต่อการคลอดบุตรหนึ่งครั้ง
หรือ คุณแม่ที่เป็น ผู้ประกันตนมาตรา 39 ก็มีสิทธิได้รับเงินกรณีคลอดบุตรเช่นเดียวกับมาตรา 33 หากส่งเงินสมทบครบตามเงื่อนไข กรณีคลอดบุตรต้องจ่ายเงินสมทบครบ 7 เดือน ภายใน 15 เดือน ก่อนเดือนคลอดบุตร
นอกจากนี้ ผู้ประกันตนหญิง หรือ คุณแม่ยังได้รับเงินสงเคราะห์หยุดงานเพื่อคลอด เป็นจำนวนเหมาจ่ายครึ่งหนึ่งของค่าจ้าง เฉลี่ยเป็นเวลา 90 วัน ด้วย
ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ จ่ายเงินสงเคราะห์หยุดงาน สมมติ คุณแม่ มีรายได้ 15,000 บาท ต่อเดือน ครึ่งเดือนเท่ากับ 7,500 บาท ก็เท่ากับ
เงินครึ่งเดือน 7,500 x 3 เดือน (90 วัน) = 22,500 บาท
สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ยังมี ค่าสงเคราะห์บุตร หาก ผู้ประกันตนมีบุตร อายุตั้งแต่ 0-6 ปี จะได้รับเงินสงเคราะห์บุตร เหมาจ่ายรายเดือนๆละ 400 บาท อีกด้วยนะคะ
สรุปอีกครั้ง สิทธิภาษีของแม่ มี
สรุป สิทธิประกันสังคมของแม่ ก็มี
พอมาดูอย่างนี้แล้ว เห็นไหมคะว่า เงินสมทบประกันสังคม กับ ภาษีเงินได้ ที่จ่ายแต่ละเดือน ให้ประโยชน์ตอบแทนกลับมาจริงๆ ดังนั้น อย่าลืมทำหน้าที่พลเมืองที่ดี และไม่พลาดจ่ายสมทบประกันสังคม เพื่อรักษาสิทธิของตัวเองด้วยนะคะ
ที่มา
th.theasianparent.com
หน้าที่เข้าชม | 15,783,565 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 13,656,363 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 18 ต.ค. 2568 |