ผู้หญิงนั้นช่วงอายุที่เหมาะสมกับการมีลูกควรอยู่ที่ช่วงอายุประมาณ 20-30 ปี เพราะว่าร่างกายยังมีความสมบูรณ์แข็งแรงอยู่มาก และถ้าหากท้องก็จะไม่ค่อยมีปัญหาสุขภาพแทรกซ้อนขึ้นมาสักเท่าไหร่ ความแข็งแรงสมบูรณ์ของร่างกายแม่ยังส่งผลต่อความฉลาดของลูกในท้องได้ด้วย เคยมีการศึกษาวิจัยพบว่า ความฉลาดของลูกมากจากยีนของแม่มากกว่าพ่อ!!
เมื่อเข้าเดือนที่ 2 ของการตั้งครรภ์เป็นต้นไป สมองลูกจะมีการพัฒนาให้เติบโตขึ้นจากปกติ และเริ่มมีการตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นต่างๆ เซลล์ประสาทเริ่มเชื่อมโยงถึงกัน และพัฒนาเป็นระบบประสาทที่ซับซ้อนมากขึ้น ที่ขาดไม่ได้เลยคือ การกระตุ้นสมองลูกในท้องด้วยการพูดคุยกับลูกทุกวัน การพูดคุยกับลูกในครรภ์จะช่วยให้ระบบประสาทและสมองที่ควบคุมการได้ยินมีพัฒนาการที่ดีและเตรียมพร้อมสำหรับการได้ยินหลังคลอด
ที่แม่ควรหากิจกรรมช่วยกระตุ้นพัฒนาการสมองให้ลูก อย่างการส่องไฟฉายที่ท้อง เพราะการส่องไฟที่หน้าท้องมีผลต่อเซลล์สมอง และเส้นประสาทส่วนรับภาพ และการมองเห็น
แนะนำว่าควรทำกิจกรรมนี้ตอนที่อายุครรภ์ได้ 7 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่พัฒนาการระบบประสาทของลูกพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เนื้อสมองของลูกในครรภ์โตขึ้นจนเต็มพื้นที่ภายในกระโหลกศีรษะ และมีร่องบนเนื้อสมองในการเก็บข้อมูลมาก
กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ความสำคัญต่อพัฒนาการสมองของลูกน้อยในครรภ์คือ กรดไขมันที่มีชื่อว่า ดีเอ็ช เอ (DHA) ซึ่งมีมากในอาหารปลาพวกปลาทะเลและสาหร่ายทะเล และ เออาร์เอ (ARA) ซึ่งมีมากในอาหารพวกน้ำมันพืช เช่น น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันเม็ดทานตะวัน และน้ำมันข้าวโพด การเลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารดังกล่าวให้เพียงพอจะทำให้ลูกในครรภ์ได้รับวัตถุดิบคุณภาพดีในการสร้างเนื้อสมองและระบบเส้นใยประสาทให้มีคุณภาพดี
ระบบประสาทการรับฟังของลูกน้อยในครรภ์จะเริ่มทำงานตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 5 เดือน การใช้เสียงกระตุ้นจะทำให้ การที่ลูกในครรภ์ได้รับฟังเสียงเพลงคลื่นเสียงจะไปกระตุ้นให้ระบบประสาทที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินมีการพัฒนาระบบการทำงานได้เร็วขึ้น ทำให้เมื่อลูกคลอดออกมา มีความสามารถในการจัดลำดับความคิดในสมอง รู้สึกผ่อนคลาย
ความเครียดคือศัตรูตัวร้ายต่อสมองทั้งของแม่และลูกในท้องเลยค่ะ เพราะขณะที่แม่กำลังเกิดความเครียด หรือมีอารมณ์โมโห โกรธ ร่างกายที่ต้องอยู่ในภาวะกดดันที่เกิดจากความเครียด ซึ่งฮอร์โมนนี้จะทำให้ความดันโลหิตสูง และหัวใจเต้นเร็วมาก สมองและร่างกายที่ตึงเครียดของแม่สามารถส่งถึงลูกในท้องให้รู้สึกรับรู้ได้ และก็จะทำให้สมองลูกเครียดตามไปด้วย
หน้าที่เข้าชม | 15,779,286 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 13,652,084 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 3 ก.ย. 2568 |