เมื่อตั้งครรภ์ก็คิดว่าการตั้งครรภ์จะทำให้ไม่มีอาการปวดท้อง แต่ในความจริงแล้วไม่เป็นเช่นนั้น เพราะคุณแม่เกือบทุกคนที่ตั้งครรภ์มักจะมีอาการปวดท้องขณะตั้งครรภ์บางคนปวดมากบางคนปวดน้อย ซึ่งอาการแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไป ถ้าเป็นอาการปวดท้องเล็กๆน้อย คุณแม่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลเพราะถือว่าปกติ แต่ถ้ามีอาการปวดแบบหน่วงหรือมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ควรต้องดูอาการอื่นๆร่วมด้วยแล้วค่ะ

ทำไมคุณแม่ถึงมีอาการปวดท้องขณะตั้งครรภ์

    การตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสแรก ร่างกายของคุณแม่จะมีการเปลี่ยนแปลงต่างๆอย่างรวดเร็ว จนร่างกายของคุณแม่อาจจะรับไม่ทัน จึงทำให้คุณแม่มีอาการปวดท้อง และสาเหตุสำคัญคือมดลูกของคุณแม่กำลังเริ่มขยายให้ใหญ่ขึ้นนั่นเอง

    ในช่วงแรกที่ตั้งครรภ์คุณแม่อาจเริ่มปวดท้องทางด้านขวา หรือ ซ้าย ปวดแบบนิดๆหน่อยๆเนื่องจากการฝังตัวของตัวอ่อน ซึ่งอาการปวดท้องจากสาเหตุนี้จะเกิดขึ้นไม่นาน และเมื่อตัวอ่อนฝังตัวเรียบร้อยแล้วคุณแม่อาจมีอาการปวดท้องจากอาการปวดมดลูกเนื่องจากมดลูกเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงเพื่อขยายให้ใหญ่เรื่อยๆอย่างช้าๆเพื่อให้คุณแม่ไม่รู้สึกอึดอัดจนเกินไป

แน่นอนว่าการตั้งครรภ์ไม่ได้จบภายใน 2-3 เดือน มดลูกก็จะขยายขึ้นไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงกำหนดคลอด นอกจากนี้ระหว่างตั้งครรภ์หากคุณแม่มีเพศสัมพันธ์ หรือการเดิน การออกกำลังกาย การเดินขึ้นลงบันไดก็อาจทำให้คุณแม่มีอาการปวดท้องน้อยได้เนื่องจากการใช้งานของกล้ามเนื้อในส่วนนั้นๆนั่นเองค่ะ

จะทำอย่างไรเมื่อมีอาการปวดท้องระหว่างตั้งครรภ์

    ถ้าอาการปวดท้องน้อยของคุณแม่เป็นอาการปวดท้องแบบปกติไม่เกี่ยวกับภาวะแท้งคุกคามใดๆ คุณแม่สามารถบรรเทาอาการปวดท้องได้ ดังนี้

• หยุดกิจกรรมต่างๆที่ทำอยู่ทันที เพื่อนั่งหรือนอนพักผ่อน ให้ร่างกายได้ผ่อนคลายสักพักคุณแม่จะรู้สึกปวดท้องน้อยลง และอาการจะดีขึ้น
• นอนลงและสังเกตว่ามีอาการปวดทางด้านไหน และลองนอนตะแคงซ้ายหรือขวาดูว่านอนทางไหนจะทำให้อาการปวดท้องดีขึ้น
• อาบน้ำอุ่น(ไม่ร้อน) การอาบน้ำอุ่นจะช่วยลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ดี หรือ กินยาพาราเพื่อลดอาการปวดได้ค่ะ
• ถ้ามีอาการปวดมาก ทำอย่างไรก็ไม่ดีขึ้นให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายหรือขอคำปรึกษาได้ค่ะ

Cr : http://www.maerakluke.com/