รับรู้เสียง..เป็นสิ่งแรก
อวัยวะรับสัมผัสแรกที่เกิดขึ้นก็คือ หู ซึ่งจะเริ่มสร้างขึ้นตอน 18 สัปดาห์ แต่จะสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อถึงช่วง 24-26 สัปดาห์ ทำให้ลูกในครรภ์รับรู้เรื่องเสียงได้เป็นอย่างแรก แต่เสียงที่เด็กได้ยินก็ไม่ได้เป็นเสียงอะไรที่ชัดเจนเหมือนที่เราได้ยินกันนะครับ เด็กได้ยินเสียงเหมือนเราได้ยินเสียงในน้ำ คือเสียงจะค่อนข้างอื้อๆ ก้องๆ นิดหน่อย อยากรู้มั้ยครับว่าเด็กได้ยินเสียงอะไรบ้าง ลองหลับตาแล้วลองจินตนาการว่าเข้าไปอยู่ในท้องของผู้หญิงข้างๆ สิครับ เสียงที่ได้ยินก็มีเสียงของน้ำที่ไหลไปไหลมายามดิ้นเคลื่อนไหว ได้ยินเสียงของหัวใจแม่กำลังเต้น ตุ้บ ตุบ ตุ้บ ตุบ อยู่เหนือขึ้นไปข้างบน เสียงดูทุ้มต่ำ แต่ก็ฟังแล้วอบอุ่นสบาย เอ๊! แล้วเสียงโครกครากรอบๆ ตัวนั่นล่ะ อ๋อ..ถึงเวลาทานอาหารของคุณแม่แล้วสินะ หนูก็อิ่มสบายไปด้วยเหมือนกัน
ดังนั้นคุณแม่หลายๆ คนอาจจะรู้สึกว่าลูกดิ้นมากในช่วงที่หิวหรือหลังทานอาหาร ก็เพราะเสียงลำไส้ของคุณแม่นั่นเองที่ไปปลุกเขาขึ้นมา และทีนี้คุณแม่ก็คงรู้แล้วนะครับว่าทำไมลูกถึงดิ้นมากหลังจากที่คุณแม่ผายลม (เสียงดัง)!
คนเราช่างวุ่นวายเสียจริง..มีนักวิทยาศาสตร์อีกแหละครับได้ทดลองก็พบว่า หากเปิดเทปให้ทารกได้ฟังเสียงหัวใจเต้นเลียนแบบเสียงในครรภ์ เด็กจะสงบและหลับได้ง่าย แถมยังกินได้ดี น้ำหนักขึ้นเร็วอีกด้วย ก็คงเป็นเพราะเด็กรู้สึกอบอุ่นปลอดภัย เหมือนที่เคยอยู่ในมดลูกของแม่นั่นเองครับ
หนูไม่ชอบเพลงร็อก
ทารกในครรภ์ชอบฟังเสียงที่ท่วงทำนองเบาสบาย เสียงเมโลดี้ที่ต่อเนื่องรื่นหู เสียงที่ทารกในครรภ์ไม่ชอบก็คือ เสียงที่ดังมากจนเกินไป เพลงที่จังหวะแรงๆ อย่างเพลงร็อก เพลงที่มีการเปลี่ยนโทนเสียงสูงๆ ต่ำๆ หรือเสียงกรีดร้องแหลมเล็ก ดังนั้นตอนท้องคุณแม่อย่าพาหนูเข้าผับเลย หนูไม่ชอบ หูจะแตกอยู่แล้ว
หนูชอบเสียงแม่ที่ซู้ด
เสียงที่ทารกในครรภ์ได้ยินอีกเสียงนึงก็คือเสียงของคุณแม่เอง เสียงของคุณแม่มีแหล่งกำเนิดมาจากกล่องเสียงที่คอ (ก็ตรงลูกกระเดือกนั่นแหละครับ) เวลาเราเปล่งเสียง เสียงก็เดินทางผ่านอากาศออกไปสู่ภายนอก แต่โดยธรรมชาติแล้วเสียงจะเดินทางผ่านของแข็งได้ดีกว่าอากาศ เสียงจึงเดินทางผ่านลำตัวของคุณแม่ไปสู่ลูกได้ ลูกในครรภ์จึงสามารถได้ยินเสียงพูดของคุณแม่ได้ แม้ไม่ใช้เครื่องมือช่วยใดๆ คุณแม่ควรพูดคุยกับลูกในครรภ์บ้าง หรือถ้าอารมณ์ดีหน่อยก็ร้องเพลงให้ลูกฟังเสียเลย ถึงแม้ว่าลูกจะฟังไม่รู้เรื่องว่าแม่พูดอะไร เพราะลูกยังไม่ได้เรียนหนังสือ หรือลูกอาจจะไม่ได้ยินเสียงของคุณแม่ชัดนัก เพราะลูกแช่อยู่ในน้ำ แต่ลูกก็สามารถจดจำโทนเสียง ลักษณะเสียงของคุณแม่ได้เป็นอย่างดี หลังจากคลอดแล้วลูกก็ยังสามารถจดจำเสียงของคุณแม่ได้ทันที ก็ฟังอยู่ทุกวันนี่ครับ
ในกรณีที่คุณพ่ออยากมีส่วนร่วมบ้าง ก็สามารถคุยกับลูกได้โดยใช้มือป้องเสียงไว้ระหว่างท้องของคุณแม่กับปากของคุณพ่อ ลูกก็จะได้ยินเช่นกัน
มีรายงานหลายชิ้นที่บอกเหมือนกันว่า หากพูดกับลูกบ่อยๆ เปิดเพลงให้ลูกฟังบ้าง จะช่วยเสริมสร้างและกระตุ้นพัฒนาการของเด็กได้ ก็ต้องรอดูกันต่อไปในระยะยาวนะครับ เพราะกลุ่มคุณแม่ที่อุตส่าห์ไปซื้ออุปกรณ์มาคุยกับลูกจัดว่าเป็นกลุ่มที่มีความตั้งใจ มีความสนใจดูแลลูกดีอยู่แล้ว เลยทำให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีในระยะยาวได้
หากตอนช่วงท้องอุตส่าห์คุยกับลูก เปิดเพลงให้ลูกฟังทุกวัน แต่พอหลังคลอดไปแล้ว แม่เปิดไปทำงานปล่อยให้พี่เลี้ยงเลี้ยงลูกอยู่บ้าน ฟังเพลงหมอลำทุกวัน ลูกก็คงไม่ได้มีพัฒนาการที่ดีสักเท่าไหร่หรอก
Cr: http://www.bloggang.com/
หน้าที่เข้าชม | 15,783,565 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 13,656,363 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 18 ต.ค. 2568 |