น้ำคร่ำ คือเกราะป้องกันทารก
ในไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ น้ำคร่ำจากถุงการตั้งครรภ์ เมื่อเข้าไตรมาสที่สอง น้ำคร่ำจึงจะมาจากปัสสาวะของลูก และถูกสร้างเพิ่มขึ้นวันละ 30-40 มล. เมื่อถึงอายุครรภ์ 36 สัปดาห์ น้ำคร่ำจะเริ่มลดลงเรื่อย ๆ กระทั่งเมื่ออายุครรภ์ 40 สัปดาห์ ซึ่งครบกำหนดคลอดพอดี ดังนั้นในคุณแม่ที่รอคลอดเกิน 40 สัปดาห์ หรือครบกำหนด 40 สัปดาห์แล้วยังไม่คลอด ทารกจึงเสี่ยงอันตรายได้
ด้วยน้ำคร่ำมีหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิให้ทารก ควบคุมสมดุลของน้ำและเกลือแร่ให้ทารก และเป็นเสมือนเกราะป้องกันนุ่ม ๆ ช่วยป้องกันอันตรายจากแรงกระแทรกด้วย หากมีน้ำคร่ำน้อยอันตรายย่อมเกิดกับทารก อาทิ
ทารกมีโอกาสที่รูปร่างผิดปกติจากการถูกกดเบียด เพราะไม่มีน้ำคร่ำปกป้อง เช่น มีรูปหน้าผิดรูป แขนเขาหรือมือเท้าผิดรูป หรือแหว่ง ซึ่งภาวะที่พบบ่อยคือเท้าปุก ภาวะปอดแฟบ เป็นต้น
มีโอกาสที่สายสะดือจะถูกกดทับขณะมดลูกหดรัดตัวส่งผลให้ทารกขาดออกซิเจนได้
สาเหตุน้ำคร่ำน้อย
1. ทารก มีความผิดปกติของโครโมโซม โดยเกิดมาจากความผิดปกติของไต เช่น การอุดตันของระบบทางเดินปัสสาวะ หรือไตไม่พัฒนา ทำให้ทารกไม่มีปัสสาวะ จึงไม่มีน้ำคร่ำหรือมีน้ำคร่ำน้อยได้
2. แม่ มีอายุครรภ์เกินกำหนดหรืออายุครรภ์ไม่ปกติ เกิดจากถุงน้ำคร่ำรั่วหรือแตกก่อนกำหนด เกิดภาวะขาดน้ำคร่ำ หรือดื่มน้ำน้อยมาก มีปัญหาครรภ์เป็นพิษ มีโรคประจำตัวหรือต้องกินยาบางชนิดที่มีผลทำให้น้ำคร่ำน้อย
3. รก เกิดภาวะเสื่อม ส่งผลให้น้ำคร่ำน้อย ทำให้ทารกขาดออกซิเจนเรื้อรัง หรือขาดสารอาหารจนเจริญเติบโตช้าในครรภ์
เมื่อตรวจประเมินแล้วพบว่าคุณแม่มีภาวะน้ำคร่ำน้อย แพทย์จะแบ่งการรักษาตามไตรมาสของการตั้งครรภ์ ดังนี้
1. อายุครรภ์น้อย ๆ ตั้งแต่ไตรมาสที่สอง และมีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ ต้องรักษาด้วยการเติมน้ำคร่ำเข้าไปในถุงการตั้งครรภ์ (Amnioinfusion) เพื่อป้องกันผลแทรกซ้อนที่รุนแรงจาการกดทับสายสะดือ
2. อายุครรภ์ไตรมาสที่สาม แบ่งเป็นกรณีที่
อายุครรภ์ครบกำหนดแล้ว ตรวจพบน้ำคร่ำน้อยมาก และตรวจพบภาวะอันตรายต่อสุขภาพของทารกในครรภ์ แพทย์จะพิจารณาช่วยทำคลอดทันที
อายุครรภ์ยังไม่ครบกำหนด แต่เป็นช่วงอายุครรภ์ 34-36 สัปดาห์ ปอดของทารกพัฒนาแล้ว แพทย์อาจพิจารณาตรวจติดตามดัชนีน้ำคร่ำและตรวจสุขภาพทารกในครรภ์อย่างใกล้ชิด หากพบความผิดปกติจะพิจารณาให้คลอดทันที
อายุครรภ์น้อยกว่าช่วงที่ปอดของทารกจะพัฒนาแล้ว คือน้อยกว่า 34 สัปดาห์ แพทย์จะพิจารณาฉีดยาให้แม่ เพื่อช่วยกระตุ้นพัฒนาการปอดของทารก โดยเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และพิจารณาให้ตลอดหากพบความผิดปกติของสุขภาพทารกในครรภ์
สิ่งสำคัญที่สุดของแม่ที่มีภาวะน้ำคร่ำน้อย คือการดูแลตัวเอง ด้วยการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ดื่มน้ำเยอะ ๆ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ตรวจครรภ์ตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอค่ะ
Cr: แม่รักลูก
หน้าที่เข้าชม | 15,783,798 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 13,656,596 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 18 ต.ค. 2568 |