เมื่อเด็กทารกที่อยู่ในครรภ์มีอายุ 29 สัปดาห์ ทารกจะสามารถลืมตาและมองเห็นผนังมดลูกที่โอบอุ้มตัวเองไว้ ต่อมาเมื่ออายุครรภ์มากขึ้นเรื่อยๆ ผนังมดลูกจะบางลงเรื่อยๆ แสงสว่างจากภายนอกจะสามารถผ่านเข้าสู่ภายในมดลูกได้ แสงที่ส่องสว่างเข้ามาจะกระตุ้นการรับรู้ของเด็ก ทำให้เด็กทารกรู้จักความแตกต่างระหว่างกลางวันและกลางคืน ซึ่งข้อมูลนี้เกิดจากการทดสอบทางการแพทย์ ด้วยการลองฉายแสงส่องลงไปบริเวณมดลูก จากนั้นก็ใช้อัลตราซาวน์ทดสอบดูปฏิกิริยาของเด็กทารกในครรภ์ ปรากฏว่าเมื่อฉายแสงลงไปเด็กทารกจะยกมือขึ้นปิดหน้าพากในลักษณะบังแสง และระดับการเต้นของหัวใจเด็กทารกก็จะเพิ่มสูงขึ้นกว่าปกติ
เด็กทารกที่อยู่ในครรภ์มีอายุ 16 สัปดาห์ ทารกเริ่มจะได้ยินเสียงต่างๆ ทั้งเสียงหัวใจเต้นของแม่ เสียงการไหลเวียนของกระแสเลือด หรือแม้กระทั่งเสียงดังจากภายนอกมดลูก เช่น เสียงพูดคุยของพ่อแม่ เสียงจากดนตรี หรือเสียงดังๆ จากหนังที่แม่ดูด้วย นอกจากนั้นหากในช่วงที่ตั้งครรภ์ หากคุณแม่ได้เปิดเพลงที่มีบรรยากาศแบบอบอุ่น รู้สึกอารมณ์เย็น อย่างเพลงคลาสิกพร้อมกับการพูดคุยกับลูกอย่างสม่ำเสมอ เมื่อเด็กคลอดออกมาและร้องไห้โย้เย การเปิดเพลงเดิมที่เคยเปิดให้ลูกฟังกลับมีผลให้เด็กมีอารมณ์สงบลงได้อย่างน่าประหลาดใจ ทั้งนี้เป็นเพราะเด็กทารกสามารถจดจำเสียงเพลงที่เคยได้ยินสมัยที่อยู่ในครรภ์ ซึ่งภาวะนั้นเด็กจะรู้สึกปลอดภัยและสงบนั้นเอง
เนื่องจากว่าเด็กที่ทารกเมื่อตอนอยู่ในครรภ์นั้นจะลอยไปลอยมา ยิ่งคุณแม่เคลื่อนไหว ร่างกายของเด็กทารกในครรภ์ก็จะขยับเคลื่อนไหวไปด้วย การเคลื่อนไหวในลักษณะที่ลอยไปลอยมา เด็กทารกจะสัมผัสกับผิวด้านในของมดลูกตลอดเวลา ซึ่งมีผลต่อการพัฒนาระบบประสาทรับความรู้สึกของทารก นอกจากนั้นเด็กทารกยังรู้จักการปรับตัวและรู้จักการรักษาความสมดุลย์ของร่างกายด้วย
จะเห็นได้ว่าเด็กทารกในครรภ์มีความสามารถในการรับรู้และจดจำความรู้สึกต่างๆ จากสภาพแวดล้อมได้ พ่อแม่จึงควรระมัดระวังให้มากกับสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัวในช่วงระหว่างตั้งครรภ์ เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถส่งผลกระทบต่อเด็กทารกในครรภ์ได้ หากเรารู้จักนำสิ่งเหล่านี้ไปปรับใช้เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กทารกในครรภ์ก็จะทำให้เกิดผลดีกับตัวของลูกเองด้วยเช่นกันค่ะ
หน้าที่เข้าชม | 15,783,565 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 13,656,363 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 18 ต.ค. 2568 |