สัญญาณที่บอกว่าลูกในท้องผิดปกติ!!

หากพบอาการทั้ง 7 อย่างนี้ ให้รีบเข้าโรงพยาบาล! เพราะลูกของเรากำลังแย่! ถ้าไม่อยากสายจนเกินไปมาดูกันค่ะ!

  ***เพื่อความปลอดภัยของลูกในครรภ์ขณะตั้งท้อง ทุกๆอาการที่เกิดขึ้นกับคุณแม่อาจกำลังบอกว่าลูกผิดปกติในครรภ์ค่ะ ดังนั้นควรเช็คอาการต่อไปนี้ หากพบต้องรีบหาหมอทันที! จะมีอะไรบ้างมาดูกันค่ะ***

  1.มีเลือดไหลออกจากช่องคลอด

  หากไตรมาสแรกพบเลือดออกจากช่องคลอด แสดงว่าคุณแม่มีโอกาสที่ลูกกำลังแท้งหรือครรภ์นอกมดลูก หากเลือดออกช่วงไตรมาสที่ 2-3 อาจเป็นภาวะรกเกาะต่ำหรือรกลอกก่อนกำหนด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณอันตรายทั้งหมดเลยค่ะ

  2.ลูกดิ้นน้อยลงและหยุดดิ้น

  เป็นเรื่องที่แม่ท้องทุกคนจำเป็นต้องทำคือการนับอัตราของดิ้นของลูก เพื่อที่จะสามารถเช็คได้ว่าลูกยังแข็งแรงดีหรือไม่ หากลูกมีอัตราการดิ้นที่น้อยลงไปเรื่อยๆจนถึงการหยุดดิ้นแสดงว่าลูกกำลังมีปัญหาต้องรีบพบแพทย์ทันทีนะคะ

  3.อาการแพ้ท้องรุนแรง

  อาการแพ้ท้องต่างๆไม่ว่าจะเป็น การคลื่นไส้ อาเจียน เวียนหัว หากมีอาการรุนแรงถึงขั้นไม่สามารถรับประทานอาหารได้เลย นั่นแปลว่าอาจมีบางอย่างที่ผิดกับลูกในท้องค่ะ

  4.แม่ท้องมีไข้ขึ้นสูง

  อาการไข้ขึ้นสูงนั้นเป็นสาเหตุมาจากที่แม่ท้องกำลังติดเชื้อบางอย่างค่ะ ซึ่งอาการติดเชื้อนั้นเกิดขึ้นได้หลากหลายสาเหตุและหนึ่งในสาเหตุนั้นคือการติดเชื้อที่ทำให้ทารกในท้องผิดปกตินั่นเองค่ะ 

  5.ตัวบวม จุกแน่นลิ้นปี่ ปวดศีรษะ

  หากพบอาการดังกล่าวนั่นเป็นสัญญาณเบื้องต้นว่า คุณแม่กำลังครรภ์เป็นพิษค่ะ! ซึ่งเป็นอันตรายได้ทั้งแม่และลูกในท้อง หากไม่รีบพบแพทย์อาจทำให้ลูกเสียชีวิตในครรภ์ได้เลยทีเดียวค่ะ

  6.น้ำเดินก่อนกำหนดคลอด

  หากมีน้ำไหลออกมาที่ไม่ใช่ปัสสาวะยาวนานถึง 2-3 ชั่วโมง นั่นแปลว่าถุงน้ำคร่ำกำลังรั่วค่ะ ซึ่งหากไม่รีบแพทย์อาจทำให้ติดเชื้อและส่งผลให้ลูกเกิดความผิดปกติได้ ซึ่งอันตรายถึงชีวิตลูกอีกด้วยค่ะ

  7.ปวดท้อง แข็งและตึง

  ถ้าแม่ท้องปวดบริเวณท้องน้อย มดลูกรวมไปถึงหัวหน่าว และปวดท้องแข็งตึง ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะเป็นอันตรายกับลูกในท้องมากเลยทีเดียวค่ะ มีโอกาสแท้งสูงมากต้องรีบพบแพทย์ทันทีนะคะ

    ***หากพบอาการในนี้อย่างใดอย่างนึง อย่าชะล่าใจเป็นอันขาดนะคะ เพราะทุกอาการอาจเป็นสาเหตุมาจากความผิดปกติของลูกในท้องได้เสมอ อย่ารอช้าให้รีบพบแพทย์ให้ไวที่สุดนะคะ***

“ดูแลสุขภาพแม่ท้องให้ดี เพื่อสุขภาพของลูกในครรภ์”