น้ำคร่ำมากผิดปกติ มีผลกับทารกยังไง ?

ไม่อยากให้ลูกเกิดมาผิดปกติแบบนี้ ห้ามพลาด เรื่องนี้!!! มาดูกันค่ะ

*****อาการตั้งครรภ์บวมน้ำ หรือครรภ์แฝดน้ำ (Polyhydramnois) คือการที่คุณแม่มีน้ำคร่ำปริมาณเกินกว่า 2 ลิตร ซึ่งถือว่าผิดปกติค่ะ แม้น้ำคร่ำจะช่วยให้ทารกในครรภ์ดำรงชีวิตอย่างปลอดภัย แต่หากมีปริมาณสูงเกินไปก็ส่งผลต่อสุขภาพของทารกได้เช่นกันค่ะ ซึ่งจะส่งผลอย่างไรบ้างมาดูกันค่ะ***

**ส่งผลกับทารกอย่างไร**

1.ทารกมีความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง

สำหรับอาการน้ำคร่ำปริมาณมากกว่าปกตินั้นเป็นผลมาจากที่ทารกเกิดมาด้วยความผิดปกติค่ะ ซึ่งทารกจะพบความบกพร่องของระบบประสาทส่วนกลางชนิดของทารกไม่มีกระโหลกศีรษะค่ะ และอาจรวมไปถึงประสาทส่วนอื่นๆด้วยค่ะ

2.ทารกเกิดภาวะบกพร่องระบบทางเดินอาหาร

สำหรับความบกพร่องของระบบทางเดินอาหารเป็นชนิดอาหารตีบตันค่ะ จึงทำให้ทารกต้องกลืนน้ำคร่ำปริมาณมาก จึงทำให้น้ำคร่ำไม่สามารถผ่านตัวทารกได้และเกิดภาวะน้ำคร่ำท่วมท้นหรืออาการบวมน้ำค่ะ

3.คลอดก่อนกำหนด!!

สำหรับอาการนี้เป็นผลแทรกซ้อนค่ะ เพราะน้ำคร่ำมีปริมาณมากทำให้ถุงน้ำคร่ำสามารถแตกก่อนกำหนดได้ และทำให้คลอดก่อนกำหนดซึ่งอาจเสียเลือดปริมาณมาก ทั้งเสี่ยงต่อทารกเสียชีวิตตั้งแต่ในครรภ์และเสี่ยงต่อสุขภาพคุณแม่อีกด้วยค่ะ

**คุณแม่จะมีอาการอย่างไร**

1.บวมเท้าและบริเวณปากช่องคลอด

น้ำคร่ำปริมาณมากจะส่งผลให้มดลูกขยายใหญ่แล้วไปกดหลอดเลือดในช่องคลอด ทำให้เลือดไหลเวียนจากท่อนล่างกลับไปหัวใจไม่ดีมากนัก ส่งผลให้เกิดเลือดคลั่งที่ขา มีอาการบวมที่เท้าและปากช่องคลอดค่ะ

2.หายใจไม่ค่อยออก

เป็นอีกหนึ่งอาการที่เป็นผลโดยตรงจากอาการน้ำคร่ำมากจนเกินไปค่ะ การที่มีน้ำคร่ำมากจะทำให้มดลูกถูกดันจากแรงดันภายในให้ยืดขยายออกไปมาก จนทำให้คุณแม่รู้สึกอึดอัดไม่สบายตัวและหายใจไม่ค่อยออก หายใจถี่ เพราะเลือดไหลเวียนไม่สะดวกค่ะ

3.รู้สึกปวดบริเวณมดลูก

อาการปวดนี้เกิดจากการบีบตัวของมดลูกมีผลมาจากปริมาณน้ำคร่ำที่มากจนเกินไป จึงทำให้กล้ามเนื้อของผนังมดลูกต้องบีบตัว คุณแม่จะรู้สึกอาการเจ็บปวดบริเวณมดลูกค่ะ ซึ่งถ้ามีอาการนี้ก็อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุมาจากการที่น้ำคร่ำมีปริมาณมากได้เช่นกันค่ะ

*****สำหรับคุณแม่ที่พบว่าน้ำคร่ำมีปริมาณมากยังไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะจริงๆแล้วอาการนี้หากไม่ได้อยู่ในระดับที่รุนแรงสามารถหายเองได้ค่ะ ซึ่งการวิเคราะห์อาการต้องผ่านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น แม้จะหายดีแล้วก็ต้องกลับมาตรวจอาการอีกเรื่อยๆ เพื่อติดตามอาการที่อาจเกิดซ้ำได้ ดังนั้นควรรักษาสุขภาพให้ดีที่สุดในช่วงนี้และเข้าตรวจอาการกับแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอนะคะ ****

“สุขภาพของลูกในท้องจะดี ต้องเริ่มจากตัวแม่ท้องเอง”