อัลตราซาวด์บอกอะไรได้บ้าง?

**แม่ท้องรู้มั้ย อัลตราซาวด์ไม่ได้แค่มีไว้บอกเพศลูก แต่ยังบอกอย่างอื่นได้อีกนะ! ถ้าอยากรู้ว่ามีอะไรบ้าง ติดตามได้ในคลิปนี้เลยค่ะ**

โดยปกติแล้ว หลังจากฝากครรภ์  คุณหมออาจขอให้คุณแม่ตรวจ "อัลตร้าซาวด์" ซึ่งอัลตร้าซาวด์หน้าท้อง ใช้ตรวจเมื่ออายุครรภ์เกิน 10 สัปดาห์ค่ะ โดยคุณหมอจะทาเจลเย็นๆ บริเวณหน้าท้อง  แล้วใช้หัวตรวจเคลื่อนอัลตร้าโซนิคส่องไปมาบริเวณหน้าท้องของคุณแม่ ซึ่งการตรวจนี้ จะบอกอะไรได้บ้าง มาดูกันค่ะ

อัลตราซาวด์ในไตรมาสที่ 1 

ทำการตรวจอัลตร้าซาวด์ในไตรมาสนี้ เป็นการตรวจเพื่อยืนยันอายุครรภ์ค่ะ โดยคุณหมอจะทำการวัดความยาวตั้งแต่ศีรษะถึงกระดูกก้นกบ เพื่อให้คุณแม่ท้องนั้น ทราบกำหนดวันคลอดที่แน่นอน และยังสามารถใช้ตรวจคัดกรองทารกกลุ่มอาการดาวน์ โดยการวัดความหนาของต้นคอและกระดูกจมูกของทารก ร่วมกับการตรวจสารชีวเคมีในเลือดของคุณแม่ค่ะ

อัลตราซาวด์ในไตรมาสที่ 2

คือการตรวจตั้งแต่อายุครรภ์ 18-22 สัปดาห์ เพื่อยืนยันอายุครรภ์หากคุณแม่ท้องมาฝากครรภ์ช้า และไม่ได้รับการตรวจตั้งแต่ในไตรมาสแรก สมารถตรวจเพศ ตวรจอวัยวะต่างๆ สมอง กระดูกสันหลัง หัวใจ ตับ ไต ตรวจดูตำแหน่งรกและปริมาณน้ำคร่ำ และตรวจการไหลเวียนโลหิตของเส้นเลือดที่มาเลี้ยงมดลูก ซึ่งเชื่อมต่อมายังทารก หากพบความผิดปกติ ก็อาจทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงระหว่างตั้งครรภ์ หรือครรภ์เป็นพิษ และภาวะทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ได้ค่ะ 

หากคุณแม่ท้องมีประวัติเคยคลอดก่อนกำหนด คุณหมอสามารถวัดความยาวของปากมดลูกในช่วงอายุครรภ์นี้ เพื่อ ป้องกันเกิดการคลอดก่อนกำหนดซ้ำค่ะ

อัลตราซาวด์ในไตรมาส 3 

ทำในช่วงอายุครรภ์ 28-32 สัปดาห์ เป็นการตรวจเพื่อตรวจดูพัฒนาการของทารกในครรภ์ ตรวจการเจริญเติบโตของกระดูกของทารกได้ ซึ่งจะเป็นการวินิจฉัยความผิดปกติของกระดูก เช่น กระดูกบางผิดปกติ มือหรือเท้าอยู่ในท่าผิดปกติ เช่นเท้าปุก ที่สำคัญสามารถตรวจดูอัตราการเจริญเติบโตของทารก หากทารกมีภาวะเติบโตช้า จะเกิดในช่วงนี้ หากคุณแม่ท้องมาตรวจและได้รับการวินอจฉัย ก็จะทำให้รักษาได้ทันท่วงที ช่วยลดภาวะแทรกซ้อนของทารก และยังช่วยลดโอกาสการเป็นเบาหวาน โรคหัวใจ และความดันโลหิตสูงของทารกหลังคลอดได้อีกด้วยค่ะ

**การอัลตราซาวด์เพียงครั้งเดียวไม่สามารถบอกความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับลูกในท้องได้นะคะ คุณแม่ควรมาตามนัดและตรวจติดตามเป็นระยะ และไม่ต้องกังวลว่าอัลตราซาวด์บ่อยๆจะเป็นอันตรายนะคะ จากข้อมูลที่มีจนถึงปัจจุบันไม่พบว่าการตรวจนี้อันตรายต่อคุณแม่และลูกในท้องค่ะ**

“เฝ้าติดตามด้วยความห่วงใย เฝ้าใส่ใจด้วยความรัก”