***“ใกล้คลอดแล้ว ยังไม่แน่ใจเลยว่าได้สิทธิอะไรบ้าง ต้องใช้ประกันแบบไหนดี?” แม่ท้องคนไหนที่ยังไม่เข้าใจเรื่องการใช้สิทธิคลอดลูก ตัดสินใจไม่ได้ต้องดูคลิปนี้ค่ะ แต่ก่อนที่จะไปดูคลิป แม่ท้องอย่าลืมกดไลค์ตรงนี้ ตรงนี้ค่ะ เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานทำคลิปดีๆต่อไปนะคะ***
หากแม่ท้องต้องเลือกใช้สิทธิคลอดลูก ระหว่างสิทธิประกันสังคมกับบัตรทอง แต่ยังลังเลไม่แน่ใจว่าสิทธิไหนดีกว่ากัน สิทธิไหนที่คลอดลูกฟรี ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม หรือว่าสิทธิไหนมีค่าใช้จ่ายเพิ่มน้อยที่สุด เรามาดูกันดีกว่าค่ะหากคุณแม่ต้องการที่จะคลอดลูกในเร็วๆนี้ ควรเลือกใช้สิทธิไหนดี
1.สิทธิประกันสังคม
ในกรณีคลอดบุตร สิทธิจะจ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 5 เดือน ให้ภายใน 15 เดือน ก่อนเดือนที่คลอดบุตร หากแม่ท้องลาออกจากงานหรือประกันสังคมในระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน และจ่ายเงินสมทบตามเกณฑ์เบื้องต้น ก็สามารถใช้สิทธิกรณีคลอดบุตรได้ เรามาดูกันดีกว่า ว่าระหว่างแม่ท้องกับคุณสามี มีสิทธิเบิกอะไรบ้างและแตกต่างกันยังไง
-ภรรยาเบิกเอง
-ได้รับค่าคลอดบุตร 13,000 บาทต่อการคลอด 1 ครั้ง (ใช้สิทธิได้คนละไม่เกิน 2 ครั้ง)
-ได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร 50% ของค่าจ้างเฉลี่ย 90 วัน สำหรับการใช้สิทธิบุตรคนที่ 3 จะไม่ได้รับเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตร
-ฝากท้องหรือคลอด รพ.ไหนก็ได้เพียงสำรองจ่าย แล้วสามารถไปเบิกทีหลังได้
-สามีเบิก กรณีที่ภรรยาไม่มีประกันสังคม
-ส่งเงินสมทบเข้ากองทุนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนที่ภรรยาคลอดบุตร
-ได้รับเงินค่าคลอดบุตรเหมาจ่าย จำนวน 13,000 บาทต่อการคลอด 1 ครั้ง
-เงินสงเคราะห์บุตร เดือนละ 600 บาท โดยจะได้รับตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน
-หากเคยสมรสและยังติดทะเบียนสมรสเดิมก็ไม่สามารถใช้สิทธิซ้ำได้
-หากยังไม่ได้จดทะเบียนสมรส และภรรยาก็ไม่มีสิทธิประกันสังคม ก็สามารถเบิกได้ โดยให้ยื่นคำขอโดยใช้หนังสือรับรองของผู้ประกันตนกรณีไม่มีทะเบียนสมรสแทน
กรณีสามีและภรรยาเป็นผู้ประกันตนทั้งคู่ ให้ใช้สิทธิในการเบิกค่าคลอดบุตรได้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น และสามารถใช้ได้ไม่จำกัดจำนวนบุตร และไม่จำกัดครั้ง แม่ท้องสามารถฝากท้องและคลอด โรงพยาบาลไหนก็ได้ที่แม่ท้องสะดวก โดยสำรองเงินจ่ายไปก่อน แล้วนำเอกสารมายื่นเรื่อง เบิกที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานคร หรือพื้นที่ที่แม่ท้องอาศัยอยู่ค่ะ
2. สิทธิบัตรทอง
แม่ท้องคนไหนจะใช้สิทธินี้ จะต้องไม่มีสิทธิประกันสุขภาพอื่นที่ใช้จ่ายจากเงินงบประมาณของรัฐ เช่น สิทธิประกันสังคม สิทธิสวัสดิการรักษาพยาบาลของข้าราชการและพนักงานส่วนท้องถิ่น หรือสวัสดิการรักษาพยาบาลของหน่วยงานรัฐ เช่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน ข้าราชการ การเมือง กรณีแม่ท้องสามารถเข้ารับบริการฟรีได้ดังนี้ ทดสอบการตั้งครรภ์ ตรวจครรภ์และประเมินความเสี่ยง ตรวจเลือดคัดกรองภาวะซีด ซิฟิลิส เอชไอวี ตับอักเสบบี ธาลัสซีเมียและดาวน์ ตรวจปัสสาวะ ฉีดวัคซีนบาดทะยัก และวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ให้ยาบำรุงธาตุเหล็ก โฟลิกและไอโอดีน การให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก ตรวจช่องปากและฟัน ประเมินสุขจิต ตรวจหลังคลอดและคุมกำเนิด ให้คำแนะนำการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ สมุดบันทึกสุขภาพ โครงการฝากท้องทุกที่ ฟรีทุกสิทธิ ด้วยบัตรสุขภาพแม่และเด็ก และไม่ต้องสำรองจ่ายด้วยนะคะ
**หมายเหตุ**
แม่ท้องสามารถเข้ารับบริการฝากครรภ์ฟรี ซึ่งก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ก็ต่อเมื่อต้องการบริการที่มากกว่าบริการพื้นฐาน เช่น อัลตร้าซาวน์ 4 มิติ หรือ บริการที่นอกเหนือความจำเป็น กรณีคลอดบุตร บัตรทองจะครอบคลุมการคลอดโดยปกติเท่านั้น ถ้าจะผ่าคลอดต้องตามดุลยพินิจของแพทย์ แต่ถ้าแพทย์เห็นว่าการคลอดแบบธรรมชาติ อาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อแม่หรือเด็กและพิจารณาแล้วว่า ต้องผ่าคลอด คุณก็ไม่เสียค่าใช้จ่ายในการคลอดเพิ่ม หากแม่ท้องอยากผ่าคลอดต้องเสียเงินเพิ่ม สามารถใช้สิทธิได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง สำหรับค่าห้องพิเศษ แม่ท้องอาจต้องจ่ายเพิ่ม ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับแต่ละโรงพยาบาลที่ใช้บริการค่ะ แนะนำให้สอบถามโดยตรงนะคะ
เรามาดูตารางสรุปเปรียบเทียบกันดีกว่า แม่ท้องจะได้เห็นภาพและตัดสินใจง่ายขึ้น ว่าจะใช้สิทธิไหนดี
***ทั้งสิทธิประกันสังคมและสิทธิบัตรทอง ต่างมาข้อเด่นและข้อด้อยต่างกัน แอดมินแนะนำว่าให้คุณแม่ลองเปรียบเทียบดีกว่าค่ะ ว่าตัวแม่ท้องเองเหมาะที่จะใช้สิทธิไหนมากกว่ากัน เพื่อที่จะได้รับการดูแลและประโยชน์กับแม่ท้องสูงสุด “เลือกสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดของลูกในท้อง”***
หน้าที่เข้าชม | 15,779,786 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 13,652,584 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 3 ก.ย. 2568 |