https://www.tiktok.com/@childingeverything

***“คุณแม่มีความเสี่ยงหลายอย่าง หมอแนะนำให้เจาะน้ำคร่ำนะคะ” แม่ท้องคนไหน อยากรู้ว่าการเจาะน้ำคร่ำคืออะไร ห้ามพลาดคลิปนี้ค่ะ***
พออายุเข้าเลข 3 หรือมีความเสี่ยงที่ทารกในครรภ์จะมีความผิดปกติ เมื่อถึงเวลาคุณหมอจะแนะนำให้แม่ท้องเจาะน้ำคร่ำ เพื่อเป็นการตรวจพิเศษ ในกรณีที่แพทย์สงสัยว่าทารกในครรภ์มีความเสี่ยงสูง โดยการเจาะน้ำคร่ำไปตรวจนั้น จะช่วยให้แพทย์สามารถระบุความผิดปกติ ของทารกได้ มาดูกันค่ะว่าการเจาะน้ำคร่ำจะทำให้แม่ท้องรู้อะไรบ้าง เราสรุปมาให้ 6 เคสที่สำคัญดังนี้ค่ะ
1.ภาวะดาวน์ซินโดรม เป็นอาการผิดปกติทางโครโมโซม ซึ่งเป็นภาวะที่ส่งผลต่อความบกพร่องทางระดับการเรียนรู้ และบุคลิกภาพการแสดงออกของทารกไปตลอดชีวิต ซึ่งการเจาะน้ำคร่ำแม่ท้องจะได้ทราบ ว่าทารกในครรภ์มีภาวะดาวน์ซินโดรมหรือไม่ เพื่อจะได้เตรียมตัวการดูแลหรือการรักษาต่อไปค่ะ
2.เอ็ดเวิร์ด ซินโดรม และพาทัวซินโดรม คือ ภาวะที่ส่งผลให้แท้งบุตร และสาเหตุของการที่ทารกเสียชีวิตในครรภ์ หรือ ทารกที่คลอดออกมา มีปัญหาทางร่างกายรุนแรง เช่น ปากแหว่ง เพดานโหว่ ตาเล็ก หูหนวก ใบหูต่ำ นิ้วมือนิ้วเท้าเกิน หัวใจและไตผิดปกติ สมองพิการ ปัญญาอ่อน ทารกตายหลังจากคลอดไม่กี่เดือนหลังคลอดและมีความบกพร่องทางการเรียนรู้
3.โรคซิสติกไฟโบรซิส เป็นโรคทางพันธุกรรม ที่เกิดจากความผิดปกติของยีน ทำให้สารคัดหลั่งของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายเหนียวข้นขึ้น เช่น ปอด ตับ ตับอ่อน และลำไส้ ส่งผลให้เกิดอาการป่วยในระบบทางเดินหายใจ ระบบย่อยอาหาร และระบบสืบพันธุ์ ในปัจจุบันโรคนี้ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงบรรเทาอาการ ปรับปรุงคุณภาพชีวิตผู้ป่วย และลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะแทรกซ้อนเท่านั้นค่ะ
4.โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง คือ ภาวะที่ทำให้เกิดอาการอ่อนแรงที่กล้ามเนื้อและทำให้พิการ ทารกในครรภ์จะมีอาการสูญเสียการควบคุมของกล้ามเนื้อ เคลื่อนไหวแขนและขาได้น้อย มักจะคว่ำหรือนั่งไม่ได้ ซึ่งจะส่งผลต่อการคลาน การเดิน อีกทั้งยังสูญเสียการควบคุมในส่วนของศีรษะและลำคอ ร้องเสียงเบา ดูดนมได้ลำบาก หายใจลำบาก อาการของโรคนี้จะเป็นมากขึ้นอย่างรวดเร็วจนกลืนอาหารไม่ได้ เพราะสำลักหรือไม่มีแรงพอ อาจต้องให้อาหารทางสายอาหาร มีกล้ามเนื้อลีบลงมาก อาจมีความผิดปกติของข้อกระดูก และมีปัญหาใหญ่ที่ทำให้เสียชีวิตตั้งแต่อายุน้อยๆ คือการติดเชื้อของทางเดินหายใจเพราะมีการสูดสำลัก มีเสมหะมาก และไม่มีแรงที่จะไอออกได้ เกิดปอดบวมบ่อยๆ จนในที่สุดต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอดไป และเสียชีวิตจากภาวะแทรกซ้อนนี้
5.โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว คือ โรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ผู้ป่วยจะมีความผิดปกติของยีนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างเม็ดเลือดแดง ทำให้เม็ดเลือดแดงมีรูปร่างผิดปกติ คือ เป็นรูปเคียว ผู้ป่วยจะมีอาการปวด ติดเชื้อง่าย มีอาการของโลหิตจาง บางรายอาจเจริญเติบโตช้า เป็นโรคหลอดเลือดสมอง และปัญหาที่ปอดนั่นเองค่ะ
6.ทัลลาสซิเมีย เป็นภาวะที่ส่งผลต่อเซลล์เม็ดเลือดแดง ซึ่งส่งผลทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง จำกัดการเจริญเติบโต และสร้างความเสียหายแก่อวัยวะ ผู้ป่วยจะซีด อาจสังเกตหรือตรวจพบตั้งแต่อายุเพียง 2 - 3 เดือนแรก ถ้ารุนแรงมาก จะมีตาเหลือง อ่อนเพลีย เจริญเติบโตไม่สมอายุ ม้ามและตับโต ลักษณะกระดูกใบหน้าเปลี่ยนรูป ที่เรียกว่า “หน้าธาลัสซีเมีย” ในระยะยาวจะมีกระดูกเปราะหักง่าย เจ็บป่วยไม่สบายบ่อย ๆ ภาวะแทรกซ้อนที่พบมากขึ้นในวัยผู้ใหญ่ คือ นิ่วในถุงน้ำดี โรคข้อ ธาตุเหล็กเกินทำให้มีตับแข็ง เป็นเบาหวาน หัวใจวาย มีการติดเชื้อบ่อย เป็นต้นค่ะ
การเจาะน้ำคร่ำจะจำเป็นก็ต่อเมื่อแม่ท้องเข้าข่ายความเสี่ยง เช่น อายุ35ขึ้นไป อัลตราซาวนด์พบความผิดปกติ คนในครอบครัวมีประวัติพิการแต่กำเนิด หรือคู่สามีภรรยาที่เสี่ยงลูกเป็นทาลัสซีเมีย แต่ถ้าแม่ท้องไม่มีแนวโน้มเข้าข่ายเลย ต่อให้คุณหมอแนะนำ แต่แม่ท้องก็ไม่จำเป็นต้องตรวจก็ได้ค่ะ เพราะค่าใช้จ่ายในการตรวจต่อครั้ง ราคาประมาณ 5-8 พันบาท ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลค่ะ แต่ถ้าตรวจก็เป็นเรื่องดี เพราะคุณพ่อคุณแม่สามารถมีเวลาตัดสินใจ หาแนวทางดูแลการตั้งครรภ์ครั้งนี้มากขึ้นนั่นเองค่ะ
***การเจาะน้ำคร่ำไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะมีความเสี่ยงน้อย แถมยังทราบผลอย่างละเอียดด้วยนะคะ ถึงคุณหมอจะไม่ได้บังคับตรวจ แต่แอดมินแนะนำว่า ถ้าได้รับคำแนะนำจากคุณหมอว่าควรตรวจ แม่ท้องควรให้ความร่วมมือจะดีที่สุด เพราะจะได้รับรู้สุขภาพโดยละเอียดของลูกในท้อง จะได้รู้ว่าควรจะต้องดูแล หรือบำรุงท้องนี้อย่างไรบ้างนั่นเองค่ะ “สิ่งไหนทำแล้วลูกนท้องปลอดภัย แม่ท้องรีบทำให้ไวอย่าได้รีรอ”***
| หน้าที่เข้าชม | 15,784,029 ครั้ง |
| ผู้ชมทั้งหมด | 13,656,827 ครั้ง |
| เปิดร้าน | 17 ส.ค. 2557 |
| ร้านค้าอัพเดท | 18 ต.ค. 2568 |