แม่ท้องสู้ไหม? สู้ แม่ท้องไหวไหม? ไหว แม่ท้องสู้ ๆ สู้เพื่อลูกโว้ย!!! แม้ช่วงการตั้งครรภ์ แม่ท้องต้องพบการเปลี่ยนแปลงมากมาย ตลอด 40 week ทั้งร่างกายและจิตใจ แล้วอะไรบ้างที่เป็นการเปลี่ยนแปลงปกตอของคุณแม่ตั้งครรภ์ คุณแม่ท้องจะได้ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องตกใจ วันนี้คนท้อง Everything channel มีข้อมูลดี ๆมาฝากค่ะ***
ตลอด 40 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ แม่ท้องจะค่อย ๆมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งร่างกายและจิตใจ เพื่อลดความกังวล และการตกใจ จากพัฒนาการตั้งครรภ์ของแม่ท้อง วันนี้เรามาเรียนรู้ว่า แต่ละสัปดาห์แม่ท้องจะมีการพัฒนาการตั้งครรภ์อย่างไรบ้าง อย่างน้อยอยากให้แม่ท้องฟังจนจบ จะได้เข้าใจว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับแม่ท้องบ้าง ไปดูกันเลยค่ะ
สัปดาห์ที่ 1 ช่วงนี้คุณแม่ท้องจะยังไม่รู้สึกอะไร ในสัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ ขนาดของทารกยังเหมือนวุ้นเล็ก ๆ คุณแม่อาจรู้สึกปวดท้องเพราะลูกกำลังฝังตัวที่ผนังมดลูกของคุณแม่ท้องค่ะ แม่จ๋าหนูมาแล้วนะ
สัปดาห์ที่ 2 แม่ท้องจะยังไม่รู้ตัว และตรวจปัสสาวะจะยังไม่ขึ้น 2 ขีด เพราะฮอร์โมนที่อยู่ในปัสสาวะจะน้อยมาก อาจพบมีเลือดออกเล็กน้อย จากการฝังตัวของตัวอ่อนที่ผนังมดลูก เรียกว่า เลือดล้างหน้าเด็กนั่นเองค่ะ
สัปดาห์ที่ 3 แม่ท้องบางท่านจะยังไม่รู้ตัวว่ามีการตั้งครรภ์ เพราะยังมีเลือดซึมออกมา เลือดจะออกน้อยกว่าประจำเดือนปกติ ออกมาประมาณ 1-2 วัน จนบางครั้งแม่ท้องอาจคิดว่าเป็นประจำเดือนค่ะ
สัปดาห์ที่ 4 ช่วงนี้ไม่มีประจำเดือนแล้วค่ะ มีอาการอ่อนเพลีย ง่วงนอน คลื่นไส้ อาเจียน แน่นท้อง ท้องอืด จะเป็นมากน้อยในแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณแม่กำลังจะมีลูกน้อยในครรภ์แล้วนะคะ
สัปดาห์ที่ 5 แม่ท้องรู้สึกถึงอาการต่าง ๆ เช่น หน้าอกคัดตึงใหญ่ขึ้น จมูกไวขึ้น หรืออารมณ์แปรปรวน ช่วงนี้คุณแม่จะเริ่มรู้แล้วว่าตั้งครรภ์ จึงควรไปฝากครรภ์กับคุณหมอแต่เนิ่น ๆนะคะ
สัปดาห์ที่ 6 ตอนนี้แม่ท้องอาจเริ่มรู้สึกคลื่นไส้ เมื่อฮอร์โมนในช่วงตั้งครรภ์เพิ่มขึ้น ทำให้ทานอะไรไม่ค่อยได้ ควรทานทีละน้อยแต่บ่อยครั้งค่ะ
สัปดาห์ที่ 7 ช่วงนี้จะคล้ายๆ สัปดาห์ที่ 6 แม่ท้องจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศรีษะปกติค่ะ
สัปดาห์ที่ 8 เป็นช่วงที่แย่ที่สุดของอาการคลื่นไส้ ซึ่งอาจจะเป็นๆหายๆ ทำให้คุณแม่รู้สึกไม่สบายตัว ลองทานแครกเกอร์กับน้ำขิงบ่อย ๆ จะช่วยได้ค่ะ
สัปดาห์ที่ 9 ระยะนี้อาการคลื่นไส้จะเริ่มเบาลง แม่ท้องไม่ควรทานอาหารดิบและอาหารที่มีสารปรอท เพราะอาจเป็นอันตรายต่อลูก รวมทั้งทำให้คุณแม่ท้องไม่สบายด้วย ดังนั้น ความปลอดภัยของอาหารต้องเป็นสิ่งสำคัญอันดับหนึ่งใช่ช่วงนี้ค่ะ
สัปดาห์ที่ 10 ช่วงนี้แม่ท้องจะรู้สึกเหนื่อย หมดแรง เพราะร่างกายขาดธาตุเหล็กค่ะ มดลูกจะขยายใหญ่ขึ้นถึง 2 เท่า แต่ยังไม่เห็นท้องของคุณแม่ท้องได้ชัดเจนนักนะคะ
สัปดาห์ที่ 11 แม่ท้องจะมีอาการ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลียอยู่ค่ะ มาถึงตอนนี้ท้องของคุณแม่ท้องจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยด้วยค่ะ
สัปดาห์ที่ 12 ช่วงเวลานี้ท้องคุณแม่ท้องจะเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเป็นเพราะมดลูกของแม่ท้องจะเคลื่อนออกจากอุ้งเชิงกราน มาอยู่เหนือกระดูกหัวหน่าว จากนี้ไปมดลูกจะใหญ่ขึ้น ทำให้แม่ท้องดูอวบอิ่มขึ้นค่ะ
สัปดาห์ที่ 13 แม่ท้องจะรู้สึกว่าเต้านมเริ่มเป็นก้อนเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะต่อมน้ำนม กำลังเติบโตเพื่อเตรียมตัวคลอด เต้านมเริ่มผลิตน้ำนมเหลือง ซึ่งอุดมไปด้วยสารอาหารและภูมิต้านทาน เป็นน้ำนมแรกก่อนที่น้ำนมปกติจะเริ่มไหลนั่นเองค่ะ
สัปดาห์ที่ 14 แม่ท้องจะพบว่ามีแรงขึ้นมากจากที่เคยรู้สึกเฉื่อยชาในช่วง 13 สัปดาห์ที่ผ่านมา รู้สึกเหมือนกับว่าอยากทำโน่นทำนี่ แต่ขอให้คุณแม่ท้องใช้ความระมัดระวังในการทำสิ่งต่าง ๆนะคะ
สัปดาห์ที่ 15 ระยะนี้แม่ท้องจะมีน้ำลายมากขึ้น คัดจมูก นั่นเป็นเพราะฮอร์โมนในช่วงตั้งครรภ์ เป็นเรื่องปกติในระยะนี้ นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเป็นหวัดมากขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ เนื่องจากระบบภูมิต้านทานอ่อนแอลงนั่นเองค่ะ
สัปดาห์ที่ 16 แม่ท้องจะมีความรู้สึก อยากทานอาหารบางอย่างมากกก...ในช่วงตั้งครรภ์
นอกจากนี้ แม่ท้องหลายท่านยังมีอาการ ‘อยากทานของแปลกๆ' ซึ่งเป็นความรู้สึกอยากทานสิ่งที่ไม่ใช่อาหาร เช่น ดิน ถ่าน ผงซักฟอก เป็นผลจากการขาดแร่ธาตุ แม่ท้องต้องอดทนต่อแรงกระตุ้นนั้น หากรู้สึกว่าอาการไม่ดี ควรปรึกษาคุณหมอนะคะ
สัปดาห์ที่ 17 ช่วงนี้แม่ท้องมักมีอาการท้องผูก และอาจท้องผูกมากขึ้นเมื่อลูกในท้องเริ่มตัวใหญ่ขึ้น บรรเทาอาการท้องผูกโดยการทานผักและผลไม้เป็นอาหารว่างระหว่างมื้อ สามารถช่วยอาการท้องผูกได้ดีเลยค่ะ
สัปดาห์ที่ 18 แม่ท้องจะรู้สึกวิงเวียน เพราะมดลูกมีขนาดใหญ่ขึ้น ก็จะเริ่มกดเส้นเลือดบางส่วน จึงทำให้คุณรู้สึกหน้ามืดบ้างเป็นบางครั้ง แม่ท้องต้องพักผ่อนเยอะ ๆ ระมัดระวังในการลุกนั่ง อย่าลุกขึ้นเร็วนะคะ
สัปดาห์ที่ 19 แม่ท้องจะมีอาการปวดเมื่อยร่างกาย วิงเวียนศีรษะพร้อมกับอาเจียน ควรทานผักและผลไม้ และธัญพืชและทานแคลเซียมให้ได้ตามปริมาณที่จำเป็นค่ะ
สัปดาห์ที่ 20 ตอนนี้แม่ท้องจะได้เห็นลูกบนหน้าจอเป็นครั้งแรก การอัลตราซาวด์แบบละเอียด เป็นการตรวจหาความผิดปกติ ของการเติบโตและพัฒนาการของลูก และตรวจการเต้นของหัวใจและแขนขา ของลูกในท้องแถมยังได้รู้เพศของลูกในท้องอีกด้วย ดีใจใช่ไหมคะ
สัปดาห์ที่ 21 แม่ท้องเริ่มอวบอิ่มขึ้น จนทุกคนสังเกตได้ว่าคุณกำลังตั้งครรภ์
แถมแม่ท้องยังรู้สึกเจ็บ ปวดขาทั้งสองข้าง เพราะรับน้ำหนักร่างกายที่เพิ่มขึ้น
เพราะฉะนั้น แม่ท้องควรทำกิจวัตรต่าง ๆอย่างค่อยเป็นค่อยไปนะคะ
สัปดาห์ที่ 22 ตอนนี้ผิวของแม่ท้องจะ เปล่งปลั่งและชุ่มชื้นมากขึ้น เพราะตอนท้องผิวหนังจะกักเก็บน้ำไว้มากกว่าปกติ เลือดไหลเวียนดีขึ้น ผิวพรรณแลดูมีเลือดฝาดมากขึ้น ที่พูดกันว่า "ดูมีน้ำมีนวลเหมือนคนท้อง" นั่นเอง
สัปดาห์ที่ 23 ช่วงนี้สิวมาเยือนแม่ท้องแล้วค่ะ เนื่องจากฮอร์โมนที่เพิ่มขึ้นไปกระตุ้นให้ผิวหนังสร้างไขมันมากขึ้น ดังนั้น ควรทาครีมบำรุงผิวแต่พอเหมาะ ให้ทำความสะอาดผิวเป็นประจำด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน หลีกเลี่ยงการบีบสิว และอย่าใช้ครีมรักษาสิวที่ไม่ได้สั่งจ่ายโดยแพทย์ค่ะ
สัปดาห์ที่ 24 สัมผัสการเคลื่อนไหวครั้งแรกของลูกในท้องจะเริ่มขึ้นช่วงนี้ ทำให้แม่ท้องรู้สึกดีได้อย่างบอกไม่ถูก และฮอร์โมนของแม่ท้องจะพลุ่งพล่าน รู้สึกเจ้าอารมณ์ หวั่นไหวต่อสิ่งรอบตัวได้ง่ายเป็นพิเศษ ช่วงนี้แม่ท้องอาจอ้อนคุณสามีบ่อยหน่อย เอาใจแม่ท้องหน่อยนะคะ
สัปดาห์ที่ 25 น้ำหนักตัวของแม่ท้องจะเพิ่มขึ้น เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การเจริญเติบโตและของลูกในท้อง ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นด้วย ดังนั้นแม่ท้องไม่ต้องกลัวอ้วนนะคะ เพียงแค่เลือกทานอาหารอย่างเหมาะสม เนื่องจากแต่ละคนล้วนมีรูปร่างที่แตกต่างกันออกไปค่ะ
สัปดาห์ที่ 26 ช่วงนี้แม่ท้องจะรู้สึกขยับตัวลำบาก อึดอัดไปทั้งตัวเพราะ น้ำหนักขึ้นเพราะการทานอาหารบำรุงเยอะ ควรเดินหรือว่ายน้ำเบา ๆ นอกจากจะช่วยเรื่องน้ำหนักยังช่วยให้คลอดง่ายอีกด้วยค่ะ
สัปดาห์ที่ 27 อาการแสบร้อนที่หน้าอก เป็นอาการปกติที่เกิดกับคุณแม่ตั้งครรภ์ในช่วงนี้ เป็นอาการแสบร้อนที่รุนแรงบริเวณกลางทรวงอก เกิดจากกรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาที่บริเวณทรวงอกเมื่อนอนราบกับพื้น เวลากินอิ่มจึงไม่ควรเอนหลังหรือนอนทันทีค่ะ
สัปดาห์ที่ 28 คุณแม่บางท่านอาจเกิดภาวะเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง แต่ถ้ามีความเสี่ยงสูง คุณหมออาจตรวจคัดกรองเบาหวาน และทำการควบคุมอาหารและออกกำลังกายต่อไปเพื่อรักษาอาการค่ะ
สัปดาห์ที่ 29 แม่ท้องจะนอนไม่หลับในช่วงนี้ วิธีที่ช่วยให้หลับได้ง่าย คือจัดท่านอนให้ถูกต้อง ดื่มนมอุ่นๆ ก่อนนอน ไม่ควรดื่มชากาแฟเพราะทำให้นอนหลับยากขึ้น และทำให้คุณปวดปัสสาวะกลางดึกอีกด้วย
สัปดาห์ที่ 30 สัปดาห์นี้แม่ท้องจะปวดปัสสาวะบ่อย เพราะมดลูกของคุณอาจกดทับกระเพาะปัสสาวะ แม่ท้องบางคนอาจเจออาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ซึ่งอาจทำให้รู้สึกแสบร้อนในขณะปัสสาวะ วิธีขับสารพิษออกจากร่างกายคือ ดื่มน้ำเปล่าให้มาก ๆ และควรปรึกษาคุณหมอเพื่อรักษานะคะ
สัปดาห์ที่ 31 แม่ท้องจะรู้สึกหายใจลำบากในช่วงนี้ และจะรู้สึกไปจนถึงคลอด เป็นเพราะท้องมีขนาดใหญ่มากจนไปเบียดกับกระบังลม (ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ควบคุมการหายใจ) สิ่งเดียวที่จะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นได้ก็คือการพักผ่อนให้มาก ๆค่ะ
สัปดาห์ที่ 32 สัปดาห์นี้จะมีอาการปวดสะโพกร้าวลงมาจนถึงขา เป็นอาการที่พบได้บ่อยในไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ให้หลีกเลี่ยงการยกของหนัก การใช้ถุงน้ำร้อนหรือถุงน้ำแข็งประคบจะช่วยลดอาการปวดหลังของคุณได้ค่ะ
สัปดาห์ที่ 33 ช่วงนี้แม่ท้องอาจเกิดการหน้ามืด วิงเวียน เพราะทานอาหารได้น้อย เนื่องจากลูกน้อยของคุณใช้พื้นที่มากขึ้นกว่าเดิมกระเพาะของคุณแม่เลยมีพื้นที่น้อยลง ลองทานทีละน้อยแต่ทานบ่อย ๆจะช่วยบรรเทาอาการวิงเวียนได้ค่ะ
สัปดาห์ที่ 34 แม่ท้องเจอปัญหานอนไม่หลับบ่อยมากในช่วงนี้ ตามมาด้วยตะคริว ปวดข้อ อาการแสบร้อนบริเวณหน้าอกและปวดปัสสาวะบ่อย บรรเทาโดยการไม่นอนหงาย และจิบน้ำระหว่างวันแทนการดื่มน้ำก่อนนอนค่ะ
สัปดาห์ที่ 35 อาการเหนื่อยและซึมเศร้าเกิดได้ในระยะนี้ อารมณ์แปรปรวนที่เคยเกิดขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ระยะแรกๆ วนมาอีกครั้ง ทำให้แม่ท้องโมโหง่าย ควรหากิจกรรมสนุกๆทำ เพื่อช่วยให้คุณคลายความวิตกกังวลและช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น หรือไม่ก็พูดคุยกับใครสักคนที่ช่วยให้คุณรู้สึกสบายใจก็ได้นะคะ
สัปดาห์ที่ 36 แม่ท้องอาจมีน้ำนมไหลออกมาในช่วงนี้ อาการนี้เกิดขึ้นเพราะร่างกายแม่ท้องกำลังเตรียมตัวในการคลอดนั่นเองค่ะ
สัปดาห์ที่ 37 แม่ท้องจะรู้สึกร้อนมากเป็นพิเศษในช่วงการตั้งครรภ์ระยะสุดท้าย เพราะร่างกายต้องทำงานอย่างหนัก เพื่อรับน้ำหนักที่มากกว่าปกติ และต้องประคองชีวิตน้อย ๆที่อยู่ในท้อง ทำให้ร่างกายของแม่ท้อง มีเลือดไหลเวียนมากขึ้นและมีการเผาผลาญแคลอรีเพิ่มขึ้นด้วยค่ะ
สัปดาห์ที่ 38 แม่ท้องอาจรู้สึกว่านอนหลับยากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนกลางคืน ให้แม่ท้องพยายามพักผ่อนให้มากที่สุดในเวลากลางวัน และการพาดขาขึ้นสูงสามารถช่วยได้นะคะ
สัปดาห์ที่ 39 แม่ท้องจะรู้สึกเหนื่อย อึดอัด และอยากคลอดลูกเต็มที่แล้ว เวลานี้ควรพักผ่อนให้มากที่สุด เพราะการคลอดของคุณอาจใช้เวลานานและทำให้คุณเหน็ดเหนื่อย และหลังคลอดก็ยังมีเรื่องให้คุณต้องทำอีกมากในการเลี้ยงดูลูก ดังนั้นพยายามพักผ่อนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ
สัปดาห์ที่ 40 ช่วงเวลานี้ลูกในท้องจะเริ่มกลับหัว ทำให้แม่ท้องก็จะหายใจได้สะดวกขึ้น เพราะร่างกายของลูกกดทับปอดของคุณน้อยลง และมีสัญญาณเตือนคือมีมูกเลือดไหลจากช่องคลอด และอาการเจ็บท้องเตือน นับถอยหลังเลยค่ะแม่ท้อง อีกแปปเดียวก็จะได้เจอหน้ากันแล้วนะลูก
นี่คือพัฒนาการตั้งครรภ์ที่แม่ท้องต้องเจอ มีอาการดังกล่าว ตามพัฒนาการตั้งครรภ์ 1-40 สัปดาห์ ที่คนท้อง Everything channel นำเสนอ ถือว่าเป็นปกติค่ะ คุณแม่ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องตกใจไปนะคะ
***เป็นยังไงกันบ้างคะกับ พัฒนาการตั้งครรภ์ 1-40 สัปดาห์ ของแม่ท้อง ดูจบแล้วทำให้รู้เลยใช่ไหมคะ แม่ท้องบางคนกำลังมีอาการนั้นอยู่เลย หรือแม่ท้องบางคนกำลังเริ่มเกิดอาการ แถมยังรู้อีกว่าในอนาคตจะเกิดอะไรกับแม่ท้องอีก เรียกว่ารู้ทั้ง อดีต,ปัจจุบัน,อนาคตกันเลยทีเดียว แม่ท้องคงสบายใจขึ้นเยอะนะคะ อย่างไรคนท้อง Everything channel ขอเป็นกำลังใจและเอาใจช่วยคนท้องทุกคนนะคะ***
“หลังมรสุม ท้องฟ้าจะสดใส หลังอาการผ่านไป จะคุ้มค่าที่เฝ้ารอ”
หน้าที่เข้าชม | 15,779,387 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 13,652,185 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 3 ก.ย. 2568 |