https://www.tiktok.com/@childingeverything
  

ทำไมทารกในครรภ์เสียชีวิต!!!
            แน่นอนว่า ทารกในครรรภ์เสียชีวิตเป็นเรื่องที่แม่ท้องทุกคนล้วนไม่อยากให้เกิดขึ้น ดังนั้น เรามารู้จักกับสาเหตุและวิธีการดูแลตนเองเพื่อป้องกันไม่ให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตกันค่ะ
สาเหตุที่ทารกในครรภ์เสียชีวิตนั้น เกิดจากสองสาเหตุหลักๆค่ะ 
คือ 1. สาเหตุจากตัวแม่ท้อง เนื่องจาก ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เสพยาเสพติด มีปัญหาน้ำหนักตัวมากเกินเกณฑ์ที่กำหนด อายุมาก หรือมีโรคประจำตัว โรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคภูมิแพ้ตนเอง(SLE) ทำให้มีเลือดไปเลี้ยงทารกไม่เพียงพอ หรือประสบอุบัติเหตุระหว่างการตั้งครรภ์ค่ะ
2. สาเหตุจากทารก มีความพิการ หรือติดเชื้อในครรภ์ ทารกเจริญเติบโตช้า ขาดออกซิเจนเรื้อรัง นอกจากนั้น อาจเกิดจากรก สายสะดือพันกัน รกลอกตัวก่อนกำหนด หรือรกเสื่อมก็เป็นสาเหตุให้ลูกตายในท้องค่ะ   
สัญญาณอันตราย
1. ลูกไม่มีความเคลื่อนไหว ไม่ดิ้น ปกติแล้ว ลูกต้องดิ้นมากกว่า10ครั้งต่อวัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่บอกว่า ลูกยังมีชีวิตอยู่ค่ะ
2. ไม่มีการเต้นของหัวใจ เมื่อฟังจากเครื่องฟังเสียงหัวใจ หรือเมื่อไปพบแพทย์และตรวจจากเครื่องCTG หรืออัลตร้าซาวน์ค่ะ
3. มีเลือดออกทางช่องคลอด อาจเกิดจาก รกลอกตัวก่อนกำหนดค่ะ โดยปกติแล้ว รกจะลอกตัวหลังจากที่คลอดแล้ว แต่หากครรภ์เป็นพิษ หรือถูกกระแทกบริเวณท้องอย่างรุนแรงทำให้เลือดไหลในโพรงมดลูก เป็นสาเหตุให้ทารกในครรภ์ขาดออกซิเจนค่ะ หากมีอาการปวดหน้าท้อง หน้าท้องแข็ง กดแล้วเจ็บ มดลูกโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดค่ะ
4. รกเกาะต่ำ  เป็นภาวะที่รกเพาะอยู่ด้านล่างของมดลูก โดยจะมีเลือดออกทางช่องคลอด แต่จะไม่เจ็บครรภ์ ซึ่งหากเลือดออกมาก แพทย์จะต้องเอาทารกออกให้เร็วที่สุดค่ะ
5. ความดันโลหิตสูง มีอาการบวมจากครรภ์เป็นพิษ มือบวม เท้าบวม สายตาพร่ามัว พบในแม่ท้องมีประวัติคนในครอบครัวมีโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และตั้งครรภ์แฝด โดยคุณแม่ควรรีบมาพบแพทย์ให้เร็วที่สุด เนื่องจากอันตรายถึงชีวิตแม่ท้องเองค่ะ
6. ปวดท้อง ท้องแข็งตึง บริเวณท้องน้อย มดลูก หรือหัวหน่าว เกิดจากการทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ออกแรงยกของหรือมีเพศสัมพันธ์มาก ทำให้มดลูกบีบรัดตัว ปากมดลูกเปิด อาจทำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนดได้
7. น้ำเดินก่อนกำหนด เกิดจากถุงน้ำคร่ำแตกรั่ว ลักษณะเป็นน้ำใสๆคล้ายปัสสาวะ ไหลออกมาทางช่องคลอด ซึ่งจะไม่เป็นมูก ดังนั้น คุณแม่ควรรีบไปพบแพทย์ ไม่ต้องรอให้เจ็บครรภ์และไม่ควรเดินมาก หากทิ้งไว้ อาจติดเชื้อลุกลามไปยังโพรงมดลูก ทำให้แม่ท้องและลูกอาจเสียชีวิตได้ค่ะ
รู้อย่างนี้แล้ว คุณแม่ท้องต้องหมั่นสังเกตลูกในท้องอยู่เป็นประจำนะคะ หากเกิดอาการผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์ในทันที และเข้ารับการตรวจอย่างเป็นประจำตามนัดเพื่อตรวจหาความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนั้น คุณแม่ท้องต้องดูแลตนเอง ออกกำลังกายเบาๆเป็นประจำ ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อตนเองและลูกในท้อง ไม่ทำงานหนักจนเกินไป รักษาร่างกายให้แข็งแรงค่ะ
| หน้าที่เข้าชม | 15,785,141 ครั้ง | 
| ผู้ชมทั้งหมด | 13,657,939 ครั้ง | 
| เปิดร้าน | 17 ส.ค. 2557 | 
| ร้านค้าอัพเดท | 3 พ.ย. 2568 |