ตกขาวขณะตั้งครรภ์ แบบไหนปกติ แบบไหนอันตราย?
ตกขาว คือ สารน้ำ สารคัดหลั่งที่มาจากเซลล์เยื่อบุผนังช่องคลอด รวมทั้งมูกจากปากมดลูกซึ่งมีเป็นปกติในช่องคลอด สารเหล่านี้ทำหน้าที่รักษาสมดุลความเป็นกรด-ด่างในช่องคลอด เป็นฉนวนป้องกันการลุกล้ำของเชื้อโรคต่าง ๆ และเป็นสารหล่อลื่นขณะมีเพศสัมพันธ์ ในสตรีตั้งครรภ์ปกติจะมีการสร้างสารน้ำและเมือกเหล่านี้จากผนังช่องคลอดเพิ่มมากขึ้น โดยจะสังเกตเห็นว่าเป็นตกขาว สีขาว หรือ ขาว-เหลือง ไม่มีกลิ่น ไม่คัน ไม่เป็นตะกอน ไม่มีมูกปน ไม่มีฟองปน ปริมาณไม่มาก ไหลออกมาทางช่องคลอดประปราย เมื่อแห้งติดชั้นในอาจเห็นเป็นคราบสีเหลืองได้
ล้างอวัยวะเพศภายนอกด้วยน้ำสะอาดแล้วซับหรือเป่าให้แห้งเพื่อไม่ให้อับชื้น
งดการสวนล้างช่องคลอดด้วยน้ำยาล้างช่องคลอด
ใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี เพียงเท่านี้ก็จะช่วยปรับสมดุลของช่องคลอดให้ดีขึ้น และบรรเทาอาการต่าง ๆ ได้
**แต่หากสังเกตพบอาการผิดปกติต่อไปนี้ เช่น ตกขาวสีเหลืองคล้ายหนอง สีเขียว มีกลิ่นเหม็นคาวปลา มีอาการคันมาก ตกขาวเป็นฟอง มีมูกเลือดปน มีอาการปัสสาวะแสบขัดร่วมด้วย ซึ่งบ่งถึงช่องคลอดอักเสบจากการติดเชื้อ ก็ควรมาพบแพทย์เพื่อดูแลรักษาต่อไป**
ตกขาวสีน้ำตาล ผิดปกติหรือไม่
ในบางกรณีอาจพบเป็นตกขาวสีน้ำตาลเก่า ๆ ไหลออกมาหรือเปื้อนชั้นใน ซึ่งมักเป็นเลือดเก่าออกมาแล้วค้างอยู่ในช่องคลอด
-
หากพบในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ อาจเป็นสัญญาณบ่งถึงภาวะเสี่ยงต่อการแท้งบุตรได้ จึงควรรีบมาพบแพทย์
-
หากพบในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ ควรสังเกตว่ามีมูกปนกับตกขาวสีน้ำตาลด้วยหรือไม่ ซึ่งอาจบ่งถึงปากมดลูกเริ่มเปิดขยายจนมีมูกจากปากมดลูกหลุดออกมาได้ แสดงถึงการเข้าสู่ระยะคลอดบุตร จึงควรมาพบแพทย์เช่นกัน
อาการผิดปกติคนท้องที่ต้องรีบไปโรงพยาบาล
นอกจากนี้ คุณแม่ต้องสังเกตอาการน้ำคร่ำเดินร่วมด้วย โดยมีลักษณะน้ำใสไหลจากช่องคลอด ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่สามารถกลั้นได้ โดยจะไหลออกมาเรื่อย ๆ ปริมาณจากน้อยแล้วค่อยมากขึ้นโดยเฉพาะในช่วงที่ไอ หรือ เบ่ง บางครั้งอาจมีไขสีขาวปนออกมากับน้ำคร่ำด้วยซึ่งเป็นเซลล์เยื่อบุผิวของทารกที่หลุดลอกมาปนกับน้ำคร่ำนั้นเองซึ่งถือว่าปกติ ในกรณีที่มีตะกอนเหลวสีเขียวขี้ม้าไหลออกมาปนกับน้ำคร่ำนั้นแสดงว่าทารกถ่ายขี้เทาตั้งแต่อยู่ในครรภ์ซึ่งบ่งถึงภาวะทารกขาดออกซิเจน ซึ่งจำเป็นต้องให้คลอดฉุกเฉิน จึงควรรีบมาพบแพทย์ทันที
ในกรณีที่มีเลือดแดงสดไหลออกมาทางช่องคลอด ถือว่าเป็นความเสี่ยงของการตั้งครรภ์
-
หากพบในช่วงต้นของการตั้งครรภ์ อาจมีโอกาสแท้งบุตร ท้องลม ครรภ์ไข่ปลาอุก ท้องนอกมดลูก
-
หากพบในช่วงท้ายอาจบ่งถึงภาวะรกเกาะต่ำ รกลอกตัวก่อนกำหนด จึงต้องมีการตรวจเพิ่มเติมด้วยคลื่นเสียงความถี่สูงโดยด่วนเพื่อดูแลรักษาที่เหมาะสมต่อไป
การสังเกตตนเองของคุณแม่ ว่ามีสิ่งผิดปกติไหลออกมาทางช่องคลอด ตลอดการตั้งครรภ์จึงมีความสำคัญและอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะหรือความผิดปกติของการตั้งครรภ์จนนำไปสู่การตรวจรักษาที่ทันการณ์ต่อไป
ที่มา
th.theasianparent.com