อาการท้องแข็งคุณแม่ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะ อาการท้องแข็งส่งผลให้คุณแม่คลอดก่อนกำหนดได้ อะไรบ้างที่แม่ท้องไม่ควรทำ เมื่อมีอาการท้องแข็งมาดูกัน!!
อาการท้องแข็งเป็นอาการหนึ่งที่พบได้บ่อย ในหญิงใกล้คลอด โดยมีอายุครรภ์ประมาณ 28 สัปดาห์ขึ้นไป ซึ่งจะมีอาการท้องแข็งเมื่อเอามือจับดู จะรู้สึกได้ว่ามีก้อนตึง ๆ สลับกันเป็นระยะ จะมีอาการเป็นๆ หาย ๆ ในแต่ละรายก็มีอาการท้องแข็งมากน้อยแตกต่างกันออกไป ในบางรายอาจมีอาการปวดเสียดช่องท้องด้วย อาการท้องแข็งโดยปกติแล้ว จะเป็นอยู่ประมาณ 10 นาทีหรือเป็น ๆ หาย ๆ นานนับชั่วโมง
1.ห้ามเอามือจับหน้าท้องบ่อย ๆ
หากคุณแม่รู้สึกว่า ท้องแข็งช่วงใกล้คลอด ห้ามเอามือจับหน้าท้องบ่อย ๆ เพราะมดลูกในช่วงที่คุณแม่ท้องแก่จะไวต่อการสัมผัสมาก หากไปจับบ่อย ๆ อาจทำให้เกิดอาการท้องแข็งและมดลูกบีบตัวซึ่งเป็นสาเหตุของการคลอดก่อนกำหนดได้ค่ะ
เมื่อเริ่มตั้งครรภ์คุณแม่จะรู้สึกว่าปวดปัสสาวะบ่อย เนื่องจากมดลูกจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งท้องแก่มากมดลูกก็ยิ่งใหญ่มากขึ้นและจะไปเบียดกระเพาะปัสสาวะมากขึ้น ถ้าคุณแม่กลั้นปัสสาวะไว้มาก ๆ มดลูกก็ใหญ่อยู่แล้ว กระเพาะปัสสาวะก็ใหญ่ พออยู่ใกล้กันเบียดกันมาก ๆ ก็จะทำให้มดลูกถูกกระตุ้นและทำให้มดลูกแข็งตัวเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดมากค่ะ
3. ห้ามมีเพศสัมพันธ์หากรู้สึกว่าท้องแข็ง
เพราะการมีเพศสัมพันธ์จะไปกระตุ้นที่ปากช่องคลอดโดยตรง และยิ่งมีการกระแทกกระเทือนมดลูกก็จะยิ่งบีบตัว และจะทำให้ท้องยิ่งแข็งขึ้น ดังนั้นควรหยุดมีเพศสัมพันธ์ทันทีถ้ามีอาการท้องแข็งเพราะจะทำให้คลอดก่อนกำหนดได้ค่ะ
เมื่อบิดขี้เกียจจะทำให้ช่องท้องมีปริมาตรเล็กลง ความดันในมดลูกก็จะสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ท้องแข็งได้ ถ้าคุณแม่มีอาการท้องแข็งเหมือนจะคลอดก่อนกำหนด ควรนอนพักเยอะ ๆ ขยับตัวให้น้อยที่สุด มดลูกจะได้ไม่กระเทือนและบีบตัวมากค่ะ
5. หยุดกิจกรรมงานบ้านที่ทำ/ ของหนักที่ต้องยก
คุณแม่ท้องควรลดกิจกรรมพาท้องแข็ง ไม่ทำงานหนัก ก้มยกของหนัก หรือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพื่อลดการถูกกระตุ้นที่ผนังมดลูก
ถ้าคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการท้องแข็ง ในช่วงใกล้คลอด สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเป็นสิ่งสำคัญที่คุณแม่ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาการท้องแข็งจะส่งผลให้คุณแม่คลอดก่อนกำหนดได้ การคลอดทารกก่อนกำหนดมีความเสี่ยงที่เป็นอันตรายหลายอย่างทั้งตัวคุณแม่และทารกในครรภ์ ดังนั้นเรื่องอาการท้องแข็งคุณแม่ไม่ควรนิ่งนอนใจ หลีกเลี่ยงไว้เป็นสิ่งดีที่สุดค่ะ