สูตินรีแพทย์ เวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ โรงพยาบาลเวชธานี เปิดเผยถึง สัญญาณเตือนแม่ท้องมีความเสี่ยงผ่าคลอด ว่าการผ่าตัดคลอดจะเกิดขึ้นเมื่อคุณหมอเห็นว่าการคลอดปกติแบบธรรมชาติ จะทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย ไม่ว่าจะต่อตัวคุณแม่ หรือลูกก็ตาม ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ต้องผ่าตัดคลอดโดยส่วนใหญ่แล้วจะมีดังนี้ค่ะ
อาการบ่งชี้แบบนี้ ผ่าตัดคลอด แน่นอน
1. มีโรคประจำตัว/โรคติดต่อ
- โรคหัวใจ เช่น โรคลิ้นหัวใจรั่วหรือตีบบางชนิด เป็นข้อบ่งชี้ว่าคุณแม่ควรต้องผ่าคลอด เพราะเวลาขณะที่เบ่งคลอดจะทำให้เกิดอาการแทรกซ้อน คือ การทำงานของหัวใจแย่ลง มีอาการเหนื่อยหอบ ระบบการหายใจทำงานถี่ หายใจไม่ทัน หมดสติ น้ำท่วมปอดหรือหัวใจวาย เป็นอันตรายทั้งต่อคุณแม่และทารกได้ การผ่าตัดคลอดจึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยสำหรับแม่และทารกมากกว่า
- มะเร็งปากมดลูก ขณะตั้งครรภ์ก็มีโอกาสทำให้การคลอดมีปัญหาได้ โดยอาจเป็นจากก้อนมะเร็งมาขัดขวางช่องทางคลอด หรือทำให้มีเลือดออกรุนแรงจากก้อนมะเร็ง การดูแลรักษา การผ่าตัดคลอดอาจเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับคุณแม่ ทั้งนี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลร่วมกันของคุณหมอสูติและคุณหมอมะเร็งนรีเวช
- เนื้องอกในมดลูก และยังไม่ได้ผ่าตัดเนื้องอกออกไป การมีเนื้องอกอาจจะส่งผลให้ทารกไม่กลับศีรษะลง หรือถ้ามาอยู่ในตำแหน่งที่อุดกั้นปิดขวางช่องทางการคลอดก็ทำให้ทารกไม่สามารถคลอดออกมาได้
- เบาหวาน คุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวานตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์หรือเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ อาจจะส่งผลส่วนหนึ่งให้ทารกในครรภ์มีขนาดใหญ่ มีน้ำหนักมากกว่าปกติ มีผลทำให้คลอดยาก หากคุณหมอประเมินแล้วว่าทารกในครรภ์น้ำหนักเกิน 4.2 - 4.5 กิโลกรัม ก็เป็นข้อบ่งชี้ตัวหนึ่งว่าควรจะผ่าตัดคลอด เพราะถ้าปล่อยให้คลอดเองจะทำให้ช่องคลอดเกิดการฉีกขาด คลอดไหล่ติด หรือติดภาวะแทรกซ้อนทั้งต่อตัวคุณแม่และทารกได้
โรคติดต่อ เช่น เริม คุณแม่ที่มีการติดเชื้อเริมที่ปากช่องคลอดในช่วงใกล้คลอด หรือช่วงจะคลอดทารก หากคลอดเองตามธรรมชาติ จะทำให้ทารกในครรภ์มีการติดเชื้อผ่านทางช่องคลอดได้ หูดหงอนไก่ ถ้ามีขนาดใหญ่มากๆ ก็จะไปอุดตัน หรือบดบังช่องคลอด ขวางทางคลอด ส่งผลให้คลอดยาก คลอดไม่ได้ หรือถ้าทารกคลอดผ่านช่องคลอดที่มีหูดหงอนไก่ ก็มีโอกาสติดเชื้อสู่หลอดเสียง ทำให้เกิดการอุดตันทางเดินหายใจของทารกในครรภ์ เมื่อคลอดออกมาส่งผลให้การหายใจมีปัญหาได้
2.มีความผิดปกติเกี่ยวกับอุ้งเชิงกราน
คุณแม่บางคนอาจจะมีอุ้งเชิงกรานที่ผิดปกติไปจากคนทั่วไป ซึ่งอาจจะเป็นตั้งแต่กำเนิด หรืออาจประสบอุบัติเหตุที่ทำให้กระดูกอุ้งเชิงกรานแตกหัก เป็นเหตุให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ทำให้กระดูกผิดรูปจนทำให้ช่องคลอดแคบมากกว่าปกติ ในกรณีนี้จึงทำให้ทารกไม่สามารถคลอดออกมาด้วยวิธีปกติได้ หรือถ้าคลอดออกมาได้ ก็อาจจะทำให้เกิดความผิดปกติขึ้นกับทารก หากมีปัญหานี้ แพทย์ก็จะลดความเสี่ยงด้วยการผ่าตัดคลอดเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด
3.ความผิดปกติเกี่ยวกับมดลูก
การมีเนื้องอกในมดลูก และการเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก คืออีกปัญหาที่ต้องทำการผ่าตัดคลอด เพราะก้อนเนื้ออาจจะกีดขวางการคลอดของทารก ยิ่งถ้าในรายที่มีก้อนเนื้อขนาดใหญ่ อาจส่งผลให้เด็กไม่สามารถกลับหัวได้ หรือมีภาวะเลือดออกจากก้อนเนื้อที่อาจเป็นอันตรายต่อตัวคุณแม่เอง
4.รกเกาะต่ำ
คุณแม่ที่เคยมีประวัติเป็นมาก่อน เคยผ่าตัดมดลูก หรือผ่าตัดคลอดก็อาจทำให้เกิดภาวะรกเกาะต่ำได้ มีการอักเสบบริเวณปากช่องคลอด ก็อาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการที่รกมาฝังตัวในตำแหน่งที่ไม่ปกติ เกิดภาวะรกเกาะต่ำได้เช่นกัน
5.ภาวะครรภ์เป็นพิษ (preeclampsia)
เป็นภาวะแทรกซ้อนรุนแรงในระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของมารดาและทารกในครรภ์ และอาจมีความเสี่ยงทำให้เสียชีวิตได้ ครรภ์เป็นพิษอาจพบในแม่ตั้งครรภ์ที่มีสุขภาพดี โดยมีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ ตั้งครรภ์ในขณะอายุน้อยกว่า 20 ปี หรือมากกว่า 35 ปี เป็นการตั้งครรภ์ครั้งแรก มีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน ตั้งครรภ์แฝด เคยมีประวัติครรภ์เป็นพิษหรือโรคหลอดเลือดหัวใจในครอบครัว เพื่อความลอดภัยของแม่และลูกคุณหมอจะแนะนำให้ผ่าคลอด
..ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้คุณแม่มีโอกาสผ่าคลอดมีอะไรบ้าง แต่อย่างไรก็ตามคุณมอที่ดูแลครรภ์ของคุณแม่จะเป็นผู้ประเมินเองนะคะ อย่ากังวลใจไปเลยค่ะ ขอให้คุณแม่ทุกคนปลอดภัยในการคลอดนะคะ