อาการท้องแข็งนั้น เป็นอาการที่มักจะพบได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ โดยที่จะมีลักษณะอาการ และสาเหตุที่แตกต่างกันออกไป เรามาดูสาเหตุของอาการท้องแข็งกันว่าเกิดจากอะไร และอาการท้องแข็งบ่อยมากกว่าปกติ ท้องแข็งถี่ นั้นอันตรายอะไรไหม แล้วควรทำอย่างไรเมื่อมีอาการท้องแข็ง
เป็นอาการท้องแข็งแบบไม่มีอันตราย ที่คุณแม่ท้องมักจะเจอกันอยู่บ่อย ๆ ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ โดยคุณแม่ท้องจะมีความรู้สึกว่า ท้องแข็งบางที่ นิ่มบางที่ โดยอวัยวะของลูกในท้องที่กำลังดิ้น หรือโก่งตัว อย่างเช่น ศอก ไหล่ เข่า หัว หรือก้น จะนูนตรงนั้นตรงนี้ไปทั่ว ส่วนที่มักจะนูนโก่งแข็งจนมดลูกเบี้ยวไปข้างนึงเลยก็มักจะเป็นหลัง กับ ก้น อีกด้านนึงก็จะนิ่มกว่า แล้วก็จะรู้สึกลูกด้นเป็นจุดเล็กจุดน้อย ด้านนั้นก็จะเป็นส่วนของมือ ส่วนของเท้า
เนื่องจากความจุของช่องท้องนั้น มีพื้นที่จำกัด มดลูกของคุณแม่ท้องที่โตขึ้นตามอายุครรภ์ไปเบียดแย่งพื้นที่กับอวัยวะอื่น ๆ ในช่องท้อง พอกินอะไรเข้าไปจึงรู้สึกว่าแน่นไปหมด บางครั้งก็รู้สึกแน่นจนแทบหายใจไม่ออก ต้องนั่งยืดตัวสักพักอาการท้องแข็งก็จะดีขึ้น
อาการท้องแข็งแบบนี้ ท้องจะไม่แข็งมาก มักจะเป็นหลังกินข้าว โดยมากมักจะเป็นความรู้สึกแน่นท้องเสียมากกว่า อาการท้องแข็งแบบนี้ ไม่ได้มีส่วนทำให้เกิดอาการเจ็บท้องคลอดก่อนกำหนด แต่คุณแม่ท้องควรควรกินอาหารอ่อน ๆ ย่อยง่าย แบ่งอาหารเป็นมื้อย่อย ๆ รับประทานครั้งละน้อย ๆ พยายามอย่าให้ท้องผูก และควรขับถ่ายเป็นประจำทุกวัน ก็จะรู้สึกแน่นท้องน้อยลง
อาการท้องแข็งที่เกิดจากมดลูกบีบตัวนั้น คุณแม่ท้องจะมีอาการท้องแข็งทั้งหมด ไม่แข็งเป็นบางจุดเหมือนอาการท้องแข็งเพราะเด็กโก่งตัว และจะมีอาการปวดท้อง เหมือนปวดประจำเดือนร่วมด้วย โดยอาการท้องแข็งเพราะมดลูกบีบตัวนั้น ยังสามารถแยกย่อยได้ดังนี้
ปกติแล้ว มักจะเป็นในช่วงหลังจากตั้งครรภ์ได้ 28 ไปแล้ว โดยช่วงที่พบว่ามีอาการท้องแข็งจากมดลูกบีบตัวบ่อยที่สุด ก็คือในช่วงอายุครรภ์ 32 สัปดาห์ ซึ่งก็เป็นช่วงที่ลูกในท้องดิ้นมากที่สุด เพราะการที่ลูกดิ้นมาก ๆ ก็อาจมีส่วนไปกระตุ้นทำให้มดลูกบีบตัวบ่อยขึ้นได้ด้วยเหมือนกัน จนเมื่อผ่านช่วงอายุครรภ์ 32-34 สัปดาห์ไปแล้ว อาการท้องแข็งก็จะน้อยลง
หากคุณแม่ท้องมีอาการท้องแข็งบ่อย และถี่ขึ้น ไม่ได้แข็งเป็นบางจุด และบางทีรู้สึกแข็งมาก หรือแข็งจนรู้สึกแน่นหายใจไม่ออก และอาการไม่ดีขึ้น ควรจะรีบไปพบคุณหมอให้เร็วที่สุด เพราะมดลูกจะบีบตัวจนปากมดลูกเปิด ตามมาด้วยการเจ็บท้องคลอด ทำให้ก่อนกำหนดได้ อย่างไรก็ตาม คุณแม่ท้องบางคน พอถึงเวลาครบกำหนดคลอด แต่กลับไม่มีอาการเจ็บท้องคลอด จนบางทีเลยกำหนดไปเลยก็มี
คุณแม่ท้องบางคน อาจมีอาการท้องแข็งที่เกิดจากมดลูกบีบตัว ซึ่งเป็นการท้องแข็งนิด ๆ หน่อย ๆ ที่เกิดขึ้นได้เองเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายใด ๆ หรือที่เรียกกันว่า Braxton Hicks Contraction นั่นเอง
จริง ๆ แล้วสาเหตุของอาการท้องแข็งนั้นมีมากมาย นอกเหนือจากสาเหตุข้างต้นแล้ว สาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้คุณแม่ท้องเกิดอาการท้องแข็ง เช่น
นอกจากนี้ แม้แต่การมีตกขาว หรือมีการอักเสบของปากมดลูก ก็เป็นสาเหตุของอาการท้องแข็งที่พบได้บ่อย ๆ แต่สาเหตุที่พบมากที่สุด มากกว่า 30% ก็คือ ไม่ทราบสาเหตุก็เป็นไปได้
อาการท้องแข็งบ่อยมากกว่าปกติ ท้องแข็งถี่ หรือเดี๋ยวแข็ง เดี๋ยวหายติด ๆ กันเป็นชุด บางครั้งอาจมีอาการเจ็บเวลาที่ท้องแข็ง เป็นอาการที่คุณแม่ท้องไม่ควรนิ่งนอนใจ และควรรีบไปพบคุณหมอ เพื่อตรวจว่าลูกในท้องยังแข็งแรงดีไหม ใกล้คลอดแล้วหรือเปล่า ซึ่งในรายที่มีอาการท้องแข็งมาก หรือท้องแข็งถี่ มีการบีบตัวของมดลูกชัดเจน คุณหมอก็อาจจะให้รอดูอาการที่โรงพยาบาล
ส่วนการรักษาหลัก ๆ ก็คือให้คุณแม่นอนพักให้เต็มที่ ให้ยืนหรือเดินน้อยที่สุด และคุณหมอก็อาจจะให้ยารักษาอาการเจ็บครรภ์ก่อนกำหนด เพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อ ซึ่งอาจจะมีผลข้างเคียงของยาก็คือ อาการใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว แต่เมื่ออาการท้องแข็งดีขึ้น คุณหมอก็จะลดยาลง
และสำหรับคุณแม่ที่มีอาการท้องแข็งถี่ แต่ไม่มากถึงกับต้องนอนโรงพยาบาล คุณหมอก็อาจจะให้ยาคลายมดลูกกลับไปกินที่บ้าน และควรนอนพักให้มาก ๆ หลีกเลี่ยงการเดินเยอะ ๆ การขึ้นลงบันได การยกของหนัก เพราะถ้ามีกิจกรรมมาก ท้องก็จะยิ่งแข็งมาก
หน้าที่เข้าชม | 15,783,547 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 13,656,345 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 18 ต.ค. 2568 |