เพราะอาหารมีผลต่อสุขภาพและพัฒนาการของทารกในครรภ์ คนท้องEverything จึงรวมสุดยอดอาหารทั้ง 9 เดือนที่แม่ท้องต้องทานให้ครบ!!
ดูเสร็จอย่าลืมกดติดตามเพื่อเป็นประโยชน์ต่อคุณแม่และลูกน้อยนะคะ^^
หลายคนเป็นกังวลใจและเกิดความสงสัยว่า มีอาหารบำรุงคนท้องอะไรบ้างที่จะช่วยทำให้ลูกน้อยในครรภ์เติบโตมีพัฒนาการที่ดี และช่วยทำให้คุณแม่มีสุขภาพแข็งแรงห่างไกลจากโรคร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ได้ มาดู10 สุดยอดอาหารบำรุงคนท้อง บอกได้เลยว่าเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหาร และคุณค่าทางโภชนาการที่ขาดไม่ได้ทั้งคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ จะมีเมนูอะไรบ้างนั้นไปดูกันเลยค่ะ
1.บล็อกโคลี และผักใบเขียว
บล็อกโคลีและผักใบเขียว เช่น ผักคะน้าและผักขม มีสารอาหารมากมายที่จำเป็นต่อผู้หญิงตั้งครรภ์ ได้แก่ ไฟเบอร์ วิตามินซี วิตามินเค วิตามินเอ แคลเซียม ธาตุเหล็ก โฟเลต ซึ่งโฟเลตสำคัญมากในการป้องกันความผิดปกติของทารกและโพแทสเซียม นอกจากนี้บล็อกโคลีและผักใบเขียว ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และยังมีประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกันและระบบย่อยอาหารด้วย การกินผักใบเขียวมากจะช่วยป้องกันอาการท้องผูกของคุณแม่ตั้งครรภ์ และมีแนวโน้มว่าจะช่วยลดความเสี่ยงในการมีน้ำหนักตัวแรกเกิดน้อยของทารก
เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เป็นแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยม เนื้อวัวและเนื้อหมูอุดมไปด้วยธาตุเหล็ก โคลีน และวิตามินบี ซึ่งเป็นสารอาหารที่สำคัญสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยเฉพาะธาตุเหล็ก เนื่องจากธาตุเหล็กเป็นส่วนหนึ่งของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง คุณแม่ตั้งครรภ์จำเป็นต้องได้รับธาตุเหล็กมากขึ้น เนื่องจากปริมาตรเลือดในกาย (blood volume) เพิ่มขึ้นระหว่างตั้งครรภ์ และธาตุเหล็กยังจำเป็นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์อีกด้วย
3.อาหารทะเล เพราะมีสารไอโอดีน
เป็นสารอาหาร ที่ช่วยให้การทำงาน ของกล้ามเนื้อประสานกัน อีกทั้งยังช่วยป้องกัน ไม่ให้ทารกในครรภ์ มีสติปัญญาที่ไม่สมบูรณ์ ป้องกันการเกิดโรคเอ๋อ ฉะนั้น กุ้ง ปลาทะเล ทานวนไปให้ครบ 9 เดือนนะจ๊ะแม่
4. ไข่ มีส่วนสำคัญในการสร้างเซลล์ในร่างกายของคุณแม่และทารกในครรภ์
ไข่ ถือเป็นอาหารสำคัญ ที่ขาดไม่ได้สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ในช่วงสามเดือนแรกค่ะ เพราะไข่ที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินและแร่ธาตุสำคัญอย่างโคลีน มีส่วนช่วยในการสร้างและกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์สมองและไขสันหลัง คุณแม่ควรจะกินไข่ต้มวันละ 1 ฟอง จะเป็นเมนูไข่ตุ๋น ไข่เจียว ไข่ดาว ก็เป็นเมนูที่กินง่ายและดีต่อสุขภาพค่ะ
5. โยเกิร์ตไขมันต่ำช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรงให้ลูกน้อย
คุณแม่ตั้งครรภ์ทราบไหมคะว่าโยเกิร์ตไขมันต่ำนั้น อุดมไปด้วยแคลเซียมที่มีส่วนสำคัญในการช่วยเสริมสร้างกระดูก และฟันที่แข็งแรงและช่วยให้ทารกมีพัฒนาการที่เหมาะสม อีกทั้งยังช่วยให้ระบบการย่อยอาหารของคุณแม่เป็นไปอย่างปกติตลอดการตั้งครรภ์ด้วยค่ะ โดยคุณแม่อาจเลือกกินโยเกิร์ตกับผลไม้สดอย่างสตอว์เบอร์รีหรือแอปเปิลหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ผสมลงไป กินเป็นของว่างระหว่างวัน จะช่วยให้อิ่มสบายท้องและดีต่อสุขภาพด้วยค่ะ
6. ซีเรียลธัญพืชช่วยให้พลังงานกับร่างกายคุณแม่
ซีเรียลธัญพืช อุดมไปด้วยเส้นใยมีประโยชน์มากสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ ช่วยไม่ให้เกิดอาการท้องผูก มีคาร์โบไฮเดรตที่ช่วยให้พลังงานกับร่างกาย อีกทั้งยังมีวิตามินและสารอาหารที่จำเป็นอย่างโฟลิกที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของทารก แต่คุณแม่ควรเลือกกินซีเรียลที่มีน้ำตาลน้อยกับนมหรือโยเกิร์ตไขมันต่ำนะคะ เพราะจะได้ไม่เสี่ยงกับการเป็นโรคอ้วนหลังคลอดได้ค่ะ
7. แครอทและพริกหวานแดงช่วยสร้างพัฒนาที่ดีของดวงตา ผิวหนัง และกระดูกของลูกน้อย
แครอทและพริกหวานแดงอุดมไปด้วยแบต้าแคโรทีน วิตามิน B6 และวิตามิน C ที่ช่วยให้ดวงตา ผิวหนังและกระดูกของลูกน้อยในครรภ์เจริญเติบโตและมีพัฒนาการที่ดี จะหั่นแครอทและพริกหวานแดงเป็นชิ้นบาง ๆ กินเป็นเมนูสลัด หรือจะเป็นผัดผักน้ำมันหอยก็ได้ประโยชน์ทางโภชนาการที่ดีค่ะ
8. ตับช่วยให้ตัวอ่อนของทารกเติบโตได้ดี
คุณแม่ทราบไหมคะว่าวิตามิน A สารอาหารสำคัญที่มีมากในตับ มีส่วนช่วยทำให้ตัวอ่อนของทารกเจริญเติบโตได้ดี และช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อหลังคลอดได้เป็นอย่างดี แต่คุณแม่ควรกินในระดับที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้มีแคลอรี่สะสมในร่างกายมากเกินไป เมนูแนะนำก็คือผัดตับหมูใส่พริกหวาน หรือตับอบผักต้มรับรองว่าดีต่อสุขภาพและไม่ทำให้น้ำหนักขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ
9.ข้าวโอ๊ตช่วยลดอาการท้องผูกและคลื่นไส้
เมนูอาหารเช้าที่ดีต่อสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์คือเมนูที่ทำจากข้าวโอ๊ตที่เต็มไปด้วยเส้นใย วิตามิน B ธาตุเหล็กและคาร์โบไฮเดรต ช่วยลดอาการท้องผูก คลื่นไส้และช่วยให้คุณแม่ไม่เป็นโรคโลหิตจาง และยังมีส่วนช่วยในการสร้างเซลล์สมองและอวัยวะสำคัญต่าง ๆ ของทารกอีกด้วยค่ะ คุณแม่จะเลือกเป็นเมนูโจ๊กข้าวโอ๊ต หรือเครื่องดื่มข้าวโอ๊ตมิลค์เชคที่มีส่วนผสมของโยเกิร์ต ก็ดีต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์เช่นกันค่ะ
10.น้ำ
การดื่มน้ำเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากปริมาตรเลือดในกาย (blood volume) ของคุณแม่ตั้งครรภ์จะเพิ่มขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งปริมาตรเลือดในกายจะเพิ่มขึ้น 1.5 ลิตรหรือประมาณ 50 ออนซ์ การที่ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอ จะช่วยป้องกันอาการท้องผูก และการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ คุณแม่ตั้งครรภ์ควรดื่มน้ำเป็นประจำ โดยควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร หากดื่มน้ำไม่เพียงพอ อาจมีสัญญาณและอาการบางอย่าง เช่น ปวดหัว เหนื่อยล้า อารมณ์ไม่ดี หรือความจำลดลง