สัปดาห์ที่1
โดยช่วงนี้นะคะจะเป็นช่วงที่ไข่ของคุณแม่กำลังสุกพร้อมที่จะหลุดออกจากรังไข่และเข้าไปในท่อนำไข่ ก่อนการตั้งครรภ์ คุณแม่ควรจูงมือคุณพ่อไปตรวจร่างกายเพื่อเช็คดูว่าทั้งคู่มีใครเป็นโรคที่สามารถติดต่อไปยังทารกในครรภ์ได้บ้าง การตรวจพบ และรับการรักษาล่วงหน้าไม่เพียงแต่จะป้องกันอันตรายต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับตัวคุณแม่เองในระหว่างการตั้งครรภ์แล้ว ยังป้องกันโรคหรือความพิการต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นกับลูกของคุณแม่ได้อีกด้วย
สัปดาห์ที่ 2
สัปดาห์นี้นะคะจะเป็นช่วงต่อระหว่างสัปดาห์ที่ 1 และ 2 นะคะไข่ที่สุกจะหลุดออกจากรังไข่ และเข้าไปคอยรอเวลารับการปฏิสนธิจากอสุจิตัวที่แข็งแรงที่สุดค่า
สัปดาห์ที่ 3
พอเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3 ช่วงนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นเยอะเลย ร่างกายของแม่จะเริ่มสร้างถุงน้ำคร่ำขึ้นมา เพื่อทำหน้าที่ปกป้องลูกน้อยในท้อง และลูกก็จะเริ่มรับสารอาหารและออกซิเจนผ่านทางท่อเส้นเล็ก ๆ รอจนกว่ารกจะแข็งแรงดีพอที่จะทำหน้าที่ต่อ
นับจากนี้ไปจนถึงสัปดาห์ที่ 10 ร่างกายของทารกจะค่อย ๆ เจริญเติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ ไม่ว่าจะเป็นมือ แขน ขาน้อย ๆ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากของเจ้าตัวน้อยที่แม่ต้องคอยดูแลตัวเองและใส่ใจในโภชนาการที่ดี เพื่อให้อวัยวะต่าง ๆ ของเจ้าตัวน้อยสมบูรณ์และมีร่างกายที่แข็งแรง
ภายในท้องของคุณแม่เริ่มมีการแยกตัวของกลุ่มเซลล์ให้กลายเป็นเนื้อเยื่อ 3 ชั้น เพื่อทำหน้าที่สร้างส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทารกให้ครบสมบูรณ์ได้แก่เนื้อเยื่อชั้นนอก เนื้อเยื่อชั้นกลาง เนื้อเยื่อชั้นใน
โดยสัปดาห์นี้นะคะอวัยวะของลูกอย่างเช่น จมูก ปาก หู จะเริ่มสร้างตัวเป็นรูปเป็นร่างคร่าว ๆ จุดเล็ก ๆ ขึ้นบ้างแล้วส่วนหัวใจของลูกตอนนี้จะเต้นถี่ 100-160 ครั้งต่อนาทีซึ่งเร็วกว่าอัตราการเต้นของคุณแม่ถึงสองเท่า เป็นเพราะระบบเลือดกำลังไปหล่อเลี้ยงร่างกาย ส่วนลำไส้และตับก็กำลังค่อย ๆ สร้างขึ้นมา
สัปดาห์ที่ 7
สัปดาห์นี้มือและขาของลูกจะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากกว่าเดิมแล้ว มีลักษณะอ้วน ๆ ป้อม ๆ เล็ก ๆ และเริ่มมีหางเล็ก ๆ ที่จะหายไปในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งก็คือกระดูกก้นกบในอนาคตนั่นเอง ส่วนสมองของลูกตอนนี้ก็พัฒนาไปกว่าครึ่งแล้ว
สองเดือนเต็ม ๆ กับการอุ้มท้องของแม่ สัปดาห์นี้ทารกเริ่มมีนิ้วมือและนิ้วเท้าเล็ก ๆ โผล่ออกมาจากแขนและขาบ้างแล้วส่วนหางที่กล่าวไว้ในสัปดาห์ที่แล้วก็เริ่มหดสั้นลงจนเกือบหายไป และเซลล์ประสาทต่าง ๆ ในสมองก็เริ่มพัฒนาเชื่อมต่อกันขึ้นเรื่อย ๆ
สัปดาห์นี้รูปทรงและหน้าตาของเบบี๋ในครรภ์เริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงส่วนต่าง ๆ มากขึ้นกว่าเดิม หัวใจแบ่งออกเป็น 4 ห้องแล้ว ลิ้นกับฟันเล็ก ๆ ก็เริ่มงอกมาใต้เหงือก ส่วนหางที่ออกมาก็หายไปแล้ว ส่วนติ่งหู ปาก จมูก และรูจมูกก็เริ่มเห็นชัดเจนขึ้น
ในสัปดาห์นี้นะคะลูกในครรภ์จะเริ่มมีเล็บงอกขึ้นมาบนนิ้วมือและนิ้วเท้า มีเส้นผมบาง ๆ รวมทั้งขนอ่อน ๆ เริ่มขึ้นแล้ว แขนเริ่มงอพร้อมสำหรับเป็นข้อมือในอนาคต กระดูกสันหลังก็เริ่มขึ้นมาเป็นสันบาง ๆ รวมทั้งระบบประสาทแถวกระดูกสันหลังก็เริ่มแตกกิ่งก้านมากขึ้น มีหน้าผากที่เริ่มนูนเตรียมพร้อมสำหรับสมองที่ค่อย ๆ โตขึ้นทุกวัน
สัปดาห์นี้ลูกจะเริ่มเตะและยืดแขนขาเหมือนบิดขี้เกียจได้และจะออกอาการถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อร่างกายเจริญเติบโตสมบูรณ์ขึ้นกว่านี้ จนบางครั้งแม่ท้องอาจรู้สึกถึงอาการสะอึกของทารกได้
สัปดาห์นี้นะคะ นิ้วมือเล็ก ๆ ของลูกกำลังกำและแบได้แล้ว ส่วนนิ้วเท้าจะเริ่มงอ กล้ามเนื้อที่ตาจะใกล้สมบูรณ์ เริ่มมีการเม้มปากเข้าหากันได้มากขึ้น ช่วงนี้ลูกในท้องมีอาจการดิ้นขยับเคลื่อนไหวจนทำให้คุณแม่รู้สึกตัว นอกจากนี้ลำไส้ก็เริ่มพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
สัปดาห์นี้ทารกเริ่มมีลายนิ้วมือขึ้นที่นิ้วมือเล็ก ๆ ของเขาแล้ว เส้นเลือดดำและอวัยวะต่าง ๆ ก็เริ่มมองเห็นชัดขึ้นผ่านผิวหนังบาง ๆ ค่ะ
ลูกจะเริ่มกระพริบตา ขมวดคิ้ว ทำหน้าตาบู้บี้ และดูดนิ้วได้แล้ว สมองเริ่มมีการกระตุ้น ส่วนกล้ามเนื้อบนหน้าก็จะเริ่มมีการเคลื่อนไหวได้เล็กน้อย เริ่มมีขนเล็ก ๆ ขึ้นทั่วร่างกาย
เจ้าตัวเล็กในท้องจะเริ่มหายใจเข้าและออกด้วยการสูดน้ำคร่ำผ่านปอด ในช่วงนี้ลูกจะเริ่มรับรู้เกี่ยวกับแสงได้แล้ว คุณแม่ลองเอาไฟฉายไปส่องที่หน้าท้องดูนะคะ จะเป็นการกระตุ้นเสริมพัฒนาการด้านการมองเห็นของลูกได้ ส่วนใครที่รอลุ้นเพศลูกช่วงสัปดาห์นี้ไปพบคุณหมอก็สามารถทำลตราซาวด์เพื่อดูเพศลูกได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวน้อยว่าจะยอมหันมาให้คุณพ่อคุณแม่เห็นเพศหรือเปล่านะ ถ้ายังเป็นมุมที่บังเพศอยู่ก็คงต้องลุ้นกันต่อไป
ทารกในช่วงนี้เริ่มเติบโตเต็มที่ขึ้นมาแล้ว รูปร่างของลูกมีขนาดพอ ๆ กับผลอะโวคาโดขาจะเริ่มสมบูรณ์ขึ้น หัวก็จะตั้งตรงกว่าเดิมมากขึ้น มีหนังศีรษะที่เริ่มขึ้น เล็บเท้าก็เริ่มยาวขึ้น
กระดูกอ่อนของลูกเริ่มแข็งแรงขึ้นเรื่อย ๆ มีการเชื่อมต่อระบบต่าง ๆ กับรกมากขึ้น ช่วงตัวยาวขึ้นเป็น 5 นิ้ว สามารถขยับข้อต่อต่าง ๆ ได้ และเริ่มสร้างต่อมเหงื่อขึ้น
ทารกเริ่มขยับเคลื่อนไหวแขน ขา และตัวได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าลูกเป็นเด็กผู้หญิงร่างกายจะเริ่มสร้างมดลูกขึ้นมา ถ้าเป็นเด็กผู้ชายในตอนนี้อวัยวะเพศของลูกก็จะเริ่มเห็นเป็นรูปร่างชัดเจนขึ้น
สัปดาห์นี้นะคะลูกน้อยจะมีขนอ่อน ๆ เส้นผม และหนังศีรษะก็เริ่มขึ้นมาแบบหรอมแหรม ระบบประสาทของลูกเริ่มพัฒนามากขึ้น สมองส่วนที่เกี่ยวกับประสาททั้ง 5 (การดมกลิ่น การลิ้มรส การได้ยิน การมองเห็น และการสัมผัส) เริ่มเกิดขึ้น ในช่วงนี้หากคุณแม่จะเริ่มพูดคุยกับลูก หรือส่งเสียงด้วยการร้องเพลง อ่านหนังสือให้ลูกฟัง ก็จะเป็นการกระตุ้นพัฒนาการให้ลูกเพิ่มมากขึ้นได้
หลังจากสัปดาห์นี้เป็นต้นไปทารกจะหัดกลืนได้มากขึ้นทุกวัน ช่วยเป็นการฝึกระบบเกี่ยวกับการย่อยให้ดีขึ้น และเริ่มที่จะมีการขับถ่ายครั้งแรก อึก้อนแรกจะออกมาเป็นสีดำ เหนียว ๆ มาจากสิ่งที่สะสมอยู่ในตับ ไต ไส้พุงของลูกนั่นเอง
สัปดาห์นี้นะคะ เจ้าตัวน้อยเริ่มขยับร่างกายมากขึ้นกว่าเดิม เพราะเริ่มเคลื่อนไหวตัวเองได้มากขึ้น ในช่วงนี้คิ้วและเปลือกตาก็เติบโตเต็มที่ และในลูกผู้หญิงก็จะเริ่มเห็นอวัยวะเพศชัดขึ้น
เจ้าตัวน้อยเริ่มมีรูปร่างหน้าตาที่สมบูรณ์ขึ้นแล้ว ทั้งริมฝีปาก เปลือกตา คิ้วจะเห็นชัดเจนขึ้น ดวงตาเริ่มครบสมบูรณ์แต่ยังบอกสีของตาไม่ได้ มีฟันซี่เล็ก ๆ ขึ้นเป็นตุ่ม ๆ ใต้เหงือก มีขนอ่อน ๆ เริ่มขึ้นทั่วร่างกาย ส่วนผิวหนังจะดูเหี่ยวย่น
ช่วงนี้ลูกในท้องของคุณแม่มีการเคลื่อนไหวของร่างกายมากขึ้น คุณแม่จะรู้สึกว่าลูกดุกดิกมากขึ้น และลูกก็เริ่มที่จะได้ยินเสียงที่ดังมากขึ้น
ในช่วงนี้สมองมีการเติบโตก้าวหน้าอย่างรวดเร็วสามารถรับรู้รสชาติต่าง ๆ ได้ ส่วนของปอดก็มีการแบ่งเซลล์ต่าง ๆ แตกกิ่งก้านออกไปเหมือนต้นไม้
ผิวหนังของทารกที่เหี่ยวย่นค่อย ๆ เรียบตึงขึ้น เริ่มมีหน้าตาใกล้เคียงกับทารกแรกเกิดแล้ว ส่วนเส้นผมก็ยังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเห็นความแตกต่างของสีผมชัดขึ้น
ระบบประสาทต่าง ๆ ภายในหูเริ่มพัฒนาดีขึ้นเรื่อย ๆ สามารถฟังเสียงที่คุ้นชินและเริ่มแยกแยกได้ว่านี้เสียงคุณพ่อหรือคุณแม่ ในระหว่างที่ทารกอยู่ในถุงน้ำคร่ำการหายใจเข้าออกยังแผ่วเบาอยู่ แต่การหายใจนี้จะเป็นการฝึกช่วยให้ทารกตรียมพร้อมสำหรับการหายใจทางปอดในอนาคต
ช่วงนี้ทารกในท้องจะเริ่มตื่นลืมตาและนอนหลังตาตามเวลาได้เอง บางมีก็ยังมีการดูดนิ้วด้วย เนื้อเยื่อในสมองเริ่มพัฒนามากขึ้นและค่อนข้างจะรับรู้สิ่งต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น ปอดเริ่มทำงานเป็นระบบมากขึ้น และบางทีคุณแม่อาจจะรู้สึกถึงอาการสะอึกของลูกน้อยในครรภ์ ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นค่ะ
ตัวน้อยเริ่มกะพริบตาและเริ่มมองเห็นลาง ๆ ตั้งแต่อยู่ในมดลูกได้แล้ว ในช่วงนี้เซลล์ประสาทล้านล้านเซลล์ในสมองพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ร่างกายลูกจะเริ่มอ้วนขึ้น และเตรียมพร้อมสำหรับการออกมาสู่โลกภายนอกที่ใกล้จะถึงในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้วค่ะ
สัปดาห์นี้เจ้าตัวน้อยจะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ กล้ามเนื้อต่าง ๆ และปอดก็กำลังเติบโตเต็มที่ มีหัวที่เริ่มใหญ่ขึ้นสำหรับสมองที่ขยายตัวขึ้น ช่วงนี้ร่างกายของลูกควรได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะโปรตีน วิตามินซี กรดโฟลิก และธาตุเหล็ก ดังนั้นแม่ท้องควรเลือกรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและลูกในท้อง นะคะ
สัปดาห์นี้ทั้งน้ำหนักและความยาวของลูกเพิ่มขึ้นมาอีกนิด เปลือกตายังปิดอยู่ แต่ก็มีการกะพริบ เมื่อไหร่ที่เริ่มลืมตาก็สามารถรับแสงได้ค่ะ
สัปดาห์นี้ลูกมีการเคลื่อนไหวส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้คล่องแคล่วมากขึ้น สามารถขยับหัวหมุนไปด้านข้างได้ ส่วนแขน ขาและตัวเริ่มมีไขมันสะสมมากขึ้น ทำให้ผิวไม่ค่อยเหี่ยวย่นเหมือนตอนแรก ๆ ช่วงนี้คุณแม่อาจจะเจอลูกกวนเวลานอนด้วยการเตะและมีการกลับตัวขึ้นลง แต่ยิ่งลูกมีการเตะดิ้นมากเท่าไหร่ก็แสดงว่าลูกคุณแม่แข็งแรงมากขึ้นนะคะ
ตอนนี้ลูกในท้องจะเริ่มรู้สึกอัดอัดบ้างแล้วเวลาอยู่ในมดลูก พัฒนาการของลูกที่เริ่มโตขึ้นทำให้พื้นที่ว่างด้านในเริ่มมีน้อยลง ส่วนอวัยวะอื่น ๆ อย่างเล็บมือ เล็บเท้า และเส้นผมก็เริ่มขึ้นอย่างเต็มที่แล้ว ผิวหนังเริ่มนุ่มและเรียบเนียนขึ้นเช่นกัน
น้ำหนักของลูกสัปดาห์นี้หนักกว่า 2 กิโลกรัมแล้ว ผิวหนังที่เรียบเนียนไม่เหี่ยวย่นเพราะไขมันเข้าไปสะสมที่ใต้ผิวหนังมากขึ้น ส่วนกระดูกก็แข็งแรงและเชื่อมต่อกันมากขึ้น
ช่วงนี้เจ้าตัวน้อยเริ่มอุ่นเครื่องรอพร้อมที่จะออกสู่โลกภายนอกแล้ว ระบบประสาทส่วนกลางและปอดเริ่มพัฒนาจนเกือบสมบูรณ์ ซึ่งโดยปกติแล้วนับตั้งแต่สัปดาห์ที่ 34-37 จะเป็นช่วงที่คุณแม่พร้อมคลอดลูกแล้วค่ะ
ช่วงนี้ร่างกายลูกทั่ว ๆ ไปค่อนข้างมีพัฒนาที่สมบูรณ์ทุกอย่างแล้ว ไตก็พัฒนาจนสมบูรณ์ และตับก็สามารถขับถ่ายของเสียออกมาได้แล้วเช่นกัน สำหรับทารกที่นอนคุดคู้อยู่ในถุงน้ำคร่ำแทบไม่มีพื้นที่ให้น้ำคร่ำแล้ว มดลูกก็เริ่มขยายขนาดจนเต็มที่แล้ว
สัปดาห์นี้นะคะทารกในครรภ์จะมีเส้นผมขึ้นมาทั่วศีรษะแล้ว รวมทั้งขนอ่อนตามร่างกายด้วย ผิวหนังยังคงมีไขคล้ายขี้ผึ้งบาง ๆ เคลือบอยู่ เพื่อป้องกันผิวทารกหลังจากคลอดออกมา ในระหว่างช่วงต่อจากสัปดาห์นี้ ระบบต่าง ๆ และร่างกายของลูกก็จะเติบโตครบสมบูรณ์ เริ่มจะกลับหัวคว่ำลง แต่ถ้าลูกไม่ยอมคว่ำ คุณแม่อาจจะต้องเปลี่ยนความตั้งใจในการคลอดเอง เป็นการผ่าคลอดแทน ตามที่คุณหมอแนะนำค่ะ
ตอนนี้ลูกของคุณแม่พร้อมที่จะออกมาดูโลกได้ แต่ถ้าปากมดลูกยังไม่เปิดลูกน้อยก็ยังจะเจริญเติบโตจนครบ 40 สัปดาห์ ระหว่างสัปดาห์นี้ ลูกของคุณแม่กำลังหย่อนศีรษะลงมาถึงบริเวณกระดูกอุ้งเชิงกรานแล้ว ช่วงนี้คุณหมอจะตรวจดูว่าปากมดลูกใกล้ที่จะเปิดหรือยัง มีความหนามากเกินไปหรือไม่ และเด็กอยู่ในท่าไหน และตำแหน่งไหนแล้ว
สัปดาห์ที่ 38
สัปดาห์ที่39
ในสัปดาห์นี้สารแอนตี้บอดี้ในร่างกายของคุณแม่จำนวนเล็กอาจซึมผ่านผนังกั้นรก และเข้าสู่ในกระแสเลือด ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันโรคชั่วคราว และจะหายไปภายใน 6 เดือน ซึ่งจะเป็นช่วงที่ระบบภูมิคุ้มกันของทารกจะเจริญเต็มที่ คุณหมอจะให้คำแนะนำกับคุณแม่ถึงอาการเจ็บท้องคลอดในระยะแรก ซึ่งจะมีการหดรัดตัวของมดลูกแรงขึ้น เมื่อเคลื่อนไหวร่างกายเป็นจังหวะสม่ำเสมอและบ่อยครั้ง ถุงน้ำคร่ำแตก และมีของเหลวไหลออกมาพร้อมกับเลือด คุณแม่ควรรีบไปโรงพยาบาลได้เลย
สัปดาห์ที่40
สำหรับสัปดาห์นี้ สิ่งสุดท้ายที่คุณแม่ไม่ควรลืมที่จะตรวจเช็คสภาพให้แน่นอนนั่นคือ ความพร้อมที่จะทำหน้าที่ “แม่” คุณหมออาจตรวจสุขภาพร่างกายของคุณแม่และลูก พร้อมให้การรักษา และคำแนะนำดีๆ ในการดูแลที่ถูกต้อง แต่สำหรับความเป็นแม่แล้ว คงไม่มีใครจะบอกคุณแม่ได้ถึงความพร้อม
ที่มา
th.theasianparent.com
หน้าที่เข้าชม | 15,783,565 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 13,656,363 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 18 ต.ค. 2568 |