เรื่องสำคัญแม่ท้องต้องทำ! หาก กลัวลูกออกมาไม่สมบูรณ์ ครบ 32
เด็กบางคนคลอดออกมาลืมตาแป๋วแต่ความจริงตาบอดมองไม่เห็น พ่อแม่จะทราบในภายหลัง บางคน 2 ขวบแล้วยังไม่พูดสักทีพบว่าหูไม่ได้ยิน เป็นต้น ซึ่งความรุนแรงก็มีความแตกต่างกันตั้งแต่อาการน้อยมากจนถึงตาย ซึ่งเด็กที่เกิดมามีความพิการมากจำนวนร้อยละ 10 ตายตั้งแต่อายุ 1 เดือนแรก
1. เตรียมฝากครรภ์ และตรวจหาความผิดปกติของทารก
สำหรับว่าที่คุณแม่ ซึ่งกำลังตั้งครรภ์อยู่ สิ่งสำคัญคือเมื่อรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ ควรรีบไปฝากครรภ์ทันที การตรวจว่าทารกในครรภ์สมบูรณ์ดีหรือไม่ เริ่มตั้งแต่รู้ว่าตั้งครรภ์ คุณแม่มาฝากครรภ์ แพทย์จะตรวจเลือดและปัสสาวะเพื่อดูความพร้อมของสุขภาพแม่ และนัดติดตามดูการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์เป็นระยะๆ หากตรวจพบว่าเป็นปกติ ทารกก็น่าจะสมบูรณ์ดี แต่อย่างไรก็ตามต้องเน้นย้ำว่า “การตั้งครรภ์เป็นความเสี่ยงของคุณแม่และทารกในครรภ์ตลอดการตั้งครรภ์และการคลอด” เพราะทางการแพทย์ยังไม่สามารถติดตามดูทารกได้ตลอดเวลา ยังต้องอาศัยความร่วมมือในการนับการดิ้นของทารกในครรภ์แม่ เพื่อช่วยบอกความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งความรู้ ความเข้าใจและร่วมมือกันระหว่างแพทย์และครอบครัวก็จะลดปัญหาและภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้ โดยสูติแพทย์จะทำการตรวจหาความผิดปกติของทารกในครรภ์ ด้วยวิธีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เช็กประวัติคุณพ่อและคุณแม่ เพื่อดูความเสี่ยงของการเป็นโรคติดต่อทางพันธุกรรม การอัลตราซาวด์ การตรวจเลือด การเจาะน้ำคร่ำ เพื่อตรวจดูโครโมโซมว่า ผิดปกติหรือไม่ และเมื่ออายุครรภ์อยู่ในช่วงระยะตตั้งแต่สัปดาห์ที่ 18 ถึงสัปดาห์ที่ 34 ก็จะมีการวัดความสูงยอดมดลูก ซึ่งจะแสดงได้ถึงทารกในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรง มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง การตรวจอัตราการเต้นของหัวใจทารกโดยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ และการตรวจการดิ้นของทารกในครรภ์ ซึ่งการตรวจทั้งหมดนี้จะช่วยให้คุณแม่ท้อง รู้ได้ว่าลูกในท้องมีภาวะที่เป็นปกติหรือไม่
2. สารอาหารสำคัญเพื่อลูกครบ 32 และมีสมองดี
นายกสมาคมเพื่อเด็กพิการฯ บอกอีกว่า สาเหตุของโรค ส่วนใหญ่มีพันธุกรรมเกี่ยวข้อง 50 % และอีก 50% เกิดจากสิ่งแวดล้อม สิ่งเสพติดต่างๆ ก็มีส่วนทำให้เกิดโรคได้เช่นกัน การสูบบุหรี่ของแม่ขณะตั้งครรภ์มีผลทำให้น้ำหนักแรกเกิดของเด็กน้อย การดื่มเหล้าทำให้สมองเด็กไม่สมบูรณ์ นอกจากนี้ผู้หญิงในวัย 25-35 ปี เหมาะสมต่อการตั้งครรภ์ และต้องมีความรู้ความเข้าใจในการตั้งครรภ์ ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีการป้องกันการเกิดโรคอย่างจริงจัง มีการส่งเสริมให้ผู้หญิงที่จะตั้งครรภ์และเด็กได้รับอาหารเสริม วิตามิน แร่ธาตุที่สำคัญ นั่นคือ โฟเลต ไอโอดีน และเหล็ก
♥ ความสำคัญของโภชนาการกับการป้องกันความพิการแต่กำเนิด
ภาวะโภชนาการของผู้เป็นแม่ขณะตั้งครรภ์นั้น ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โฟเลตมีหน้าที่สำคัญในกระบวนการสร้าง DNA และเซลล์ต่างๆของร่างกายของลูกน้อย ให้เจริญเติบโต ส่วนไอโอดีนและธาตุเหล็กก็มีผลต่อการพัฒนาสมองและระบบประสาทเช่นกัน การขาดโฟเลตกับความพิการแต่กำเนิด สามารถป้องกันได้ถ้าแม่ได้รับโฟเลตเพียงพออย่างน้อย 6 สัปดาห์ก่อนตั้งครรภ์ เพื่อให้เด็กกับแม่แข็งแรง และเกิดภาวะพิการแต่กำเนิดต่างๆ น้อยที่สุด ซึ่งผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ควรได้รับ
- โฟเลต 400 ไมโครกรัมต่อวัน ส่วนผู้ชายในวัยเจริญพันธุ์ควรได้รับ 600 ไมโครกรัมต่อวัน ซึ่งอาหารที่มีโฟเลตพบมากในอาหารประเภทผักใบเขียวต่างๆ ผลไม้ อย่างพวก ถั่ว ส้ม มะเขือเทศ ดอกกะหล่ำ กล้วย ผักชี ประเภทเนื้อ เช่น ตับ เป็นต้น
- ส่วนไอโอดีน ทารกแรกเกิด-5 ปี ควรได้รับ 90 ไมโครกรัมต่อวัน
โดยการผลิตยาวิตามินชนิดนี้จะมีส่วนผสม 3 ชนิด ได้แก่ เหล็ก กรดโฟลิก และไอโอดีน เพื่อความสะดวกต่อการบริโภค ซึ่งตัวยาวิตามินในตอนนี้สามารถเข้าไปขอรับยาพร้อมคำแนะนำได้ที่โรงพยาบาลรัฐทุกระดับทั่วประเทศ “อีกสิ่งที่สำคัญและพิเศษที่สุด อีกอย่างหนึ่งคือ นมแม่ ภายในนมแม่มีสารอาหารที่มีประโยชน์และคุณค่ามากกว่านมชนิดไหนๆ เมื่อคลอดเด็กมาแล้ว ควรสร้างภูมิคุ้มและกันป้องกันให้เด็กตั้งแต่เริ่มแรก โดยให้เด็กทารกได้รับนมแม่ตั้งแต่เริ่มแรกจนหมดช่วงวัยด้วย”