เพราะคุณแม่ที่มีอารมณ์หงุดหงิด โมโหง่าย ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความเครียดที่เรียกว่า อะดรีนาลิน (adrenalin) ออกมาผ่านไปยังลูก จะทำให้ลูกคลอดออกมาเด็กงอแง เลี้ยงยาก พัฒนาการช้า ในทางกลับกัน คุณแม่ที่อารมณ์ดีอยู่เสมอจะทำให้ร่างกายมีการหลั่งสารแห่งความสุขที่เรียกว่า เอนดอร์ฟิน (endorphin) ออกมาผ่านไปทางสายสะดือไปยังลูกทำให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีทั้งสมอง (IQ) และอารมณ์ (EQ)
2. นอนดึก มีงานวิจัยพบว่า คุณแม่ที่นอนน้อยกว่าวันละ 5 ชั่วโมงจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ในระหว่างท้องได้ทั้งคุณแม่และคุณลูกเลย ดังนั้นคุณแม่ไม่ควรนอนดึก และควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
3.กินยานอกจากที่หมอสั่ง ไม่ว่าคุณแม่จะเจ็บไข้ได้ป่วยยังไง ก็ควรปรึกษาหมอ บอกหมอด้วยว่ากำลังท้องอยู่ และกินยาตามที่หมอสั่งเท่านั้น เพราะยาสามัญประจำบ้านหลายชนิดก็อาจทำให้เกิดอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ คุณแม่จึงควรใช้ยาเท่าที่จำเป็นจริง ๆ และควรปรึกษาหมอหรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง
4.ลดน้ำหนัก อดอาหาร ยิ่งคุณแม่เลือกรับประทานอาหารที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์เพียงพอ จะทำให้ลูกที่อยู่ในท้องนั้นได้รับสารอาหารที่มีคุณภาพดีในการสร้างเนื้อสมองและระบบเส้นใยประสาทให้มีคุณภาพดีตามไปด้วย เป็นการช่วยบำรุงสมองภายในตัว แต่ถ้าคุณแม่ตั้งใจลดน้ำหนักและอดอาหาร จะทำให้เสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดและพิการได้
5.ทาเล็บ โดยเฉพาะช่วง 3 เดือนแรกของการท้องเพราะเป็นช่วงที่ลูกกำลังสร้างอวัยวะสำคัญต่าง ๆ ถ้ามีสารเคมีจากภายนอกอย่างเช่นน้ำยาทาเล็บเข้ามารบกวน จะมีผลต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยได้ ยังไงช่วงท้องงดทาเล็บไปก่อน ไว้ทาตอนหลังคลอดก็ยังไม่สาย
6. สูบบุหรี่ เป็นสิ่งที่คุณแม่ควรเลี่ยงเป็นอันขาด(ที่จริงก็ควรเลี่ยงตลอดไปก็จะดีต่อสุขภาพคุณแม่เองด้วย) เพราะสารนิโคตินในบุหรี่จะทำให้ลูกมีอาการสมาธิสั้น แล้วมีโอกาสแท้งและคลอดก่อนกำหนด ลูกออกมาตัวเล็ก น้ำหนักน้อย หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ หรืออาจทำให้พิการขั้นรุนแรงก็เป็นได้ ดังนั้นเลิกสูบบุหรี่ดีที่สุด
หน้าที่เข้าชม | 15,783,565 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 13,656,363 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 18 ต.ค. 2568 |