อาการท้องเเข็งดังกล่าวเกิดจากการบีบตัวของมดลูก สามารถเกิดขึ้นได้แม้แต่ผู้หญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ โดยสังเกตได้จากอาการปวดท้องเวลามีประจำเดือน ส่วนคุณแม่ตั้งครรภ์มดลูกจะขยายใหญ่ขึ้น และการบีบตัวก็จะมีมากขึ้น จนทำให้คุณแม่รู้สึกปวดท้องหรือท้องแข็งนั่นเอง ซึ่งเกิดจากเลือดที่มาเลี้ยงมดลูกน้อยลง ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกขาดเลือด คุณแม่จึงรู้สึกเจ็บๆ ตึงๆ ที่ท้อง ธรรมชาติมดลูกจะบีบตัวมากที่สุดตอนจะคลอดค่ะ แต่ถ้าคุณแม่มีอาการท้องแข็งหรือปวดท้องมากทั้งๆที่ยังไม่ถึงกำหนดคลอด อาจเป็นสัญญาณเตือของการคลอดก่อนกำหนดได้
1.ลดกิจกรรมพาท้องแข็ง ไม่ทำงานหนัก ก้มยกของหนัก หรือเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เพื่อลดการถูกกระตุ้นที่ผนังมดลูก
2.งดกิจกรรมทางเพศที่ผาดโผน เพราะเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายกับลูกน้อย
3.ไม่ควรขับรถเอง การขับรถเองในช่วงที่ท้องใหญ่ขึ้น คุณแม่จะต้องนั่งอยู่ในท่าที่หน้าท้องถูกกดทับ รถที่วิ่งๆหยุดๆ จะทำให้ลูกกระแทกผนังมดลูกไปมา อาจทำให้เกิดการเจ็บท้องหรืออาจเกิดอุบัติเหตุได้
4.ไม่อั้นปัสสาวะ เพราะถ้ากระเพาะปัสสาวะเกิดการอักเสบ จะกระตุ้นให้มดลูกแข็งตัวจนแท้งหรือคลอดก่อนกำหนดได้
5.ไม่กระตุ้นบริเวณเต้านม งดการกระตุ้นเต้านมโดยเฉพาะบริเวณหัวนม ขณะมีเพศสัมพันธ์ และในกรณีที่คุณแม่มีลูกเล็กและกำลังตั้งครรภ์อยู่ ควรให้ลูกหย่านม เพราะการดูดนมแม่ จะส่งผลให้มดลูกบีบรัดตัวตามไปด้วย
6.ระวังอุบัติเหตุ เช่น จากการเดินหรือขึ้นลงบันได ถ้าหากล้มคุณแม่จะเจ็บท้องได้ค่ะ
7.ลดปริมาณเนื้อสัตว์ ในกรณีที่ท้องแข็งเพราะมีแก๊สในกระเพาะ ควรหันมากินผักผลไม้เพื่อเพิ่มไฟเบอร์และดีต่อระบบขับถ่าย ลดการเกิดแก๊สในลำไส้ ทำให้หายแน่นท้องได้
คุณแม่ที่ท้องแข็งเร็วคือตั้งแต่ระยะแรกของการตั้งครรภ์หรือรู้สึกเจ็บท้องมากๆควรปรึกษาแพทย์ เพราะอาจมีสาเหตุจากเนื้องอกในมดลูกได้ ท้องแข็งรักษาได้ ถ้า คุณแม่มีอาการท้องแข็ง จากการที่มดลูกบีบตัวก่อนกำหนด แพทย์จะให้นอนพักและให้กินยาเพื่อลดการบีบรัดตัวของมดลูก หรือในกรณีที่ท้องแข็งรุนแรงจนกินยาไม่หาย แพทย์จะวินิจฉัยว่าเกิดจากอะไร เช่น ปากมดลูกเปิดก่อนกำหนด มีการอักเสบติดเชื้อที่ช่องคลอด กระเพาะปัสสาวะอักเสบ รกลอกตัวก่อนกำหนด ซึ่งแพทย์จะรักษาให้ตามสาเหตุ
Cr http://www.mamaexpert.com/
หน้าที่เข้าชม | 15,783,565 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 13,656,363 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 18 ต.ค. 2568 |