.....ผู้หญิงตั้งครรภ์ต้องทำงาน อาจมีผลต่อลูกน้อยในครรภ์ ดังนั้นทบทวนและปรับพฤติกรรมในการทำงานกันเถอะ

1.เมื่อแม่ท้องต้องทำงาน
- ตรวจว่าครรภ์ของคุณนั้น แข็งแรงดี 
- ตำแหน่งหน้าที่ทำงานในสิ่งแวดล้อม ที่ปลอดภัย ไม่เสี่ยง ก็สามารถทำงานนั้นต่อไปได้ จนกว่าจะคลอด 
- อาชีพที่ทำงานหนัก เช่น ยกของหนัก ยืนเป็นเวลานาน เวลาไม่แน่นอน หรือไม่อยู่กับที่ เคลื่อนไหวบ่อยๆ อาจเกิดการคลอดก่อนกำหนดได้ หรือคลอดออกมาน้ำหนักน้อย รวมทั้งทำให้คุณเกิดความดันเลือดสูงในระหว่างตั้งครรภ์ 

....ถ้ารู้ตัว ควรปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน ด้วยการคุยกับหัวหน้า จากนั้นหาทางสลับไปทำงานส่วนอื่น จนกว่าจะคลอดและกลับมาทำงานอย่างเดิมได้

2.เก็บวันลาไว้ใช้ในช่วงตั้งครรภ์
- การฝากครรภ์ คุณจำเป็นต้องพบแพทย์บ่อยๆ การลาหยุดจะถูกนำมาใช้ช่วงนี้ คุณสามารถคุยกับคุณหมอ ตกลงวันเวลานัดหมายได้
- 3 เดือนแรก อาการต่างๆ จะมีผลกับงานบ้าง หลังจากนั้นจะเข้าที่เข้าทาง

3.เมื่อหัวหน้างานไม่เข้าใจ…ทำไงดี
- ส่วนมากจะเข้าใจได้ดี แต่ก็มีบ้างที่มองว่าทำให้การทำงานภาพรวมลำบากขึ้น แต่คุณไม่ควรกังวล เพราะการตั้งครรภ์เป็นเรื่องธรรมชาติ และให้นึกถึงกฎหมายแรงงานว่า คุณมีสิทธิ์หยุดและลาคลอดได้ตามจำนวนที่ระบุในสัญญาจ้าง

++สิ่งที่ต้องทำเมื่อรู้ว่าตั้งครรภ์++

1.แจ้งหัวหน้างาน ให้ทราบ
- อาจมีโปรเจคยักษ์แต่หนักเอาการ หัวหน้างานอาจจะพิจารณามอบหมายให้คนอื่นทำแทน

2.แจ้งคณะผู้ร่วมงานด้วย
- เพื่อนร่วมงานคือคนที่คอยช่วยเหลือคุณในเวลาทำงานและในเวลาท้องนี้เอง เป็นผู้ช่วยคุณอีกทางหนึ่ง

3.ปรับสิ่งแวดล้อมในที่ทำงานให้ปลอดภัย
-โต๊ะทำงานอาจจะทำให้คุณทำงานได้ไม่สะดวก 
- พื้นผิวลื่นๆ ที่พร้อมจะทำให้คุณล้มได้ตลอดเวลา 
- กองหนังสือหรือของหนักๆ บนโต๊ะที่พร้อมพังลงมาทับ 
***เคลียร์ให้โล่ง เพื่อความปลอดภัย

4.เช็ควันลา – วันหยุด
- ช่วยให้วางแผนตารางการพบแพทย์ ช่วงไหนจำเป็นต้องหยุด จะได้ไม่มีผลต่องานและเพื่อนร่วมงาน

5.วางแผนเคลียร์ งานก่อนคลอด
- เริ่มต้นเคลียร์บางอย่างที่ค้างอยู่ให้เสร็จ รวมทั้งดูว่าจะมอบหมายให้ใครรับช่วงต่อระหว่างที่คุณลาคลอด

6.เตรียมงานเผื่อไว้ให้พร้อมเมื่อกลับมาทำงานอีกครั้ง
- ก่อนลาคลอดดูว่างานคุณมีอะไรบ้าง วางแผนว่าเมื่อกลับมาจะเริ่มส่วนไหน จะเป็นผลดีกับคุณเมื่อกลับมาทำงาน

CR : แม่รักลูก,รศ.ดร.นพ. บุญศรี จันทร์รัชชกูล