
ทำไมต้องเจาะน้ำคร่ำ
การเจาะน้ำคร่ำเพื่อตรวจความผิดปกติของโครโมโซมของทารกในครรภ์
ใครบ้างต้องเจาะน้ำคร่ำ
1. คุณแม่ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ขึ้นไปจะได้รับคำแนะนำให้เจาะน้ำคร่ำเพราะมีความเสี่ยงสูงมากกว่าคุณแม่ที่อายุน้อย
2. มารดาที่เคยคลอดทารกที่มีกลุ่มอาการดาวน์หรือมีโครโมโซมผิดปกติรวมทั้งทารกที่มีความผิดปกติของรูปร่างหรืออวัยวะต่างๆโดยไม่ทราบสาเหตุในครรภ์ก่อน
3. มารดาหรือบิดาที่มีความผิดปกติของร่างกายหรืออวัยวะต่างๆที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมไปยังทารกได้
4. มีประวัติการแท้งบ่อย
5. ได้รับการตรวจโดยวิธีการทางชีวเคมีจากการตรวจเลือดคุณแม่แล้วได้ผลผิดปกติ
6. ตรวจพบความพิการภายนอกของทารกจากการอัลตราซาวนด์
7. ตรวจพบว่าทารกในครรภ์โตช้า
ควรเจาะน้ำคร่ำเมื่อไหร่?
แพทย์จะทำการเจาะน้ำคร่ำเมื่ออายุครรภ์ประมาณ 15-20 สัปดาห์ ซึ่งเป็นเวลาที่เหมาะสมในการตรวจและปลอดภัยสำหรับทารก แต่ถ้าเจาะตรวจช่วงที่อายุครรภ์มากเกินไป โดยเฉพาะถ้าเกิน 26 สัปดาห์ไปแล้ว ความล้มเหลวจากการเพาะเลี้ยงเซลล์จะมีมากขึ้น นอกจากนี้หากผลการตรวจผิดปกติการยุติการตั้งครรภ์เป็นไปได้ยาก เนื่องจากการเพาะเลี้ยงเซลล์ และการรายงานผลการตรวจโครโมโซมจะใช้เวลาประมาณ 2-4สัปดาห์
ส่วนใหญ่นิยมทำที่อายุครรภ์ 18 สัปดาห์ ประเมินความเสี่ยงของการแท้งที่เกิดจากการเจาะน้ำคร่ำไว้ที่ประมาณ 1 ใน 200 หรือ 0.5% การรั่วของน้ำเพียงเล็กน้อยและมักหยุดได้เองภายใน 1 สัปดาห์พร้อมกับการมีปริมาณน้ำคร่ำเพิ่มขึ้นกลับมาเท่าปกติ
อันตรายโดยตรงต่อทารกไหม?
โอกาสที่จะเกิดอันตรายโดยตรงต่อทารกจากเข็มเจาะนั้นมีน้อยมากหากใช้การเจาะน้ำคร่ำพร้อมอัลตราซาวนด์ ไม่พบว่ามีอันตรายโดยตรงต่อทารก
หลังจากเจาะน้ำคร่ำแล้วท่านควรปฏิบัติตัวอย่างไร?
ไม่ควรให้เกิดการกระทบกระเทือนที่ท้องน้อยหรือมดลูก ควรงดเดินทางไกล ยกของหนัก มีเพศสัมพันธ์ หรือเดินช๊อบปิ้ง ในวันรุ่งขึ้นท่านสามารถปฏิบัติตัวได้ตามปกติที่เคยปฏิบัติ ภายหลังจากการตรวจถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น เลือดออกทางช่องคลอด น้ำปนเลือดออกทางช่องคลอด ปวดท้องน้อยรุนแรง หรือมีไข้ให้รีบมาพบแพทย์ที่ท่านฝากครรภ์อยู่โดยเร็ว