รับประทานโฟเลต... ผู้หญิงควรได้รับประทานโฟเลตล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 เดือนก่อนการตั้งครรภ์ เป็นการเตรียมสภาพร่างกายให้พร้อมสมบูรณ์ เพื่อลูกที่คลอดออกมาจะได้ไม่มีความพิการทั้งด้านร่างกาย และสติปัญญา อาหารที่มีส่วนประกอบของโฟเลต เช่น ผักใบเขียว (คะน้า บร็อกโคลี่ ผักกาดเขียว หน่อไม้ฝรั่ง) ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี จมูกข้าวสาลี พืชตระกูลถั่ว ตับ เนื้อสัตว์ ผลไม้พบได้ในส้ม สตรอเบอร์รี

     รับประทานโคลีน... เป็นสารอาหารสำคัญตัวหนึ่งที่จัดอยู่ในกลุ่มของวิตามินบี ที่มีความจำเป็นในการสร้างผนังกั้นกับเปลือกสมองของทารก ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางประสาทที่สำคัญ 2 ส่วนคือสมองส่วนของการเรียนรู้ และการจดจำ อาหารที่มีโคลีนมากพบได้ทั้งผลิตภัณฑ์จากพืชและสัตว์ ได้แก่ ไข่แดง เครื่องในสัตว์ เช่น ตับ สมองถั่วเหลือง ถั่วลิสง จมูกข้าว ข้าวโอ๊ต กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก เนื้อสัตว์ปลา ฯลฯ ถั่วเหลืองเป็นแหล่งของโคลีนที่ปราศจากคอเลสเตอรอล และมีไขมันต่ำ

รับประทานวิตามิน... พัฒนาการทางสมองของลูก รวมทั้งสุขภาพ จะขึ้นอยู่กับอาหารที่คุณแม่รับประทานในระหว่างตั้งครรภ์ เพื่อให้แน่ใจว่าคุณแม่ได้รับสารอาหารที่ถูกต้อง และเหมาะสมให้ทานเป็นวิตามินสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ (ซึ่งจะได้รับจากคุณหมอที่ดูแลครรภ์ตลอดทั้ง 40 สัปดาห์) จึงจะมั่นใจว่าวิตามินที่ทานนั้นปลอดภัยสำหรับคุณแม่ และลูกน้อยในครรภ์

ตรวจเช็กต่อมไทรอยด์... การตรวจคือการทดสอบผลเลือดจะสามารถแสดงให้เห็นภาวะการเกิดไทรอยด์ได้ เพราะ 2% ของผู้หญิงที่คลอดลูกไม่ได้มีการเตรียมพร้อมรับมือกับไทรอยด์ จากผลการศึกษาพบว่าเด็กที่เกิดมาจากแม่ที่เป็นไทรอยด์ จะทำให้เด็กมีไอคิวต่ำกว่าเด็กที่แม่มีสุขภาพดี แข็งแรงสมบูรณ์

 ไม่เครียด ไม่ซึมเศร้า... คุณแม่ควรพยายามหลีกเลี่ยงอาการซึมเศร้าหลังคลอด เพราะมีรายงานว่าเด็กที่แม่มีภาวะกดดัน หรือเครียดในช่วง 3 ปีแรก จะมีผลต่อการทดสอบภาษาอังกฤษของเด็ก เพราะเมื่อแม่เกิดอาการซึมเศร้าจะมีผลต่อการปฏิสัมพันธ์กับลูก ซึ่งจะมีผลต่อการจำกัดด้านการเรียนรู้ของเด็ก ถ้าคุณแม่ประสบกับปัญหาภาวะเครียดหลังคลอด เช่น นอนไม่หลับ เซื่องซึม รู้สึกสิ้นหวังควรที่จะปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษาอาการให้ดีขึ้น