รวมอาหารอันตราย คนท้องห้ามกิน!

นุ่นก็น่ากิน! นี่ก็น่าทาน.. แม่ท้องห้ามเผลอกินอาหารกลุ่มนี้เด็ดขาด! อันตรายทั้งแม่และลูกเลยเชียว มาดูกันค่ะ

***เรื่องการกินของแม่ท้องเป็นเรื่องพลาดไม่ได้ค่ะ เพราะแม่กินอะไรลูกก็จะได้รับสิ่งนั้นไปด้วย การทานอาหารที่ดีและปลอดภัยจึงเป็นเรื่องสำคัญค่ะ มาดูกลุ่มอาหารที่เป็นอันตรายกับแม่และลูกที่แม่ท้องห้ามพลาดกินเด็ดขาดค่ะ****

1.ไข่ดิบ

การทานไข่ดิบมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียชาลโมเนลลา ซึ่งทำให้มีอาการท้องเสีย อาเจียน และหากอาการรุนแรงทำให้มดลูกเกร็งตัวเกิดการบีบตัวและคลอดก่อนกำหนดได้ แม่ท้องควรงดกินไข่ดิบนะคะ

2.นมที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ

ผลิตภัณฑ์นมบางชนิดที่ไม่ได้ผ่านการฆ่าเชื้อรวมถึงชิสบางชนิด มีโอกาสที่แม่ท้องจะติดเชื้อจากเชื้อโรคหลากหลายชนิดที่พบในนมค่ะ เช่น เชื้อลิสทีเรีย เชื้อชาลโมเนลลา เชื้ออีโคไล แม่ท้องต้องดื่มนมที่ผ่านการฆ่าเชื้อเท่านั้นนะคะ

3.อาหารไม่สุก ไม่สะอาด

ไม่ว่าจะเป็นอาหารไม่ได้ผ่านการปรุงสุก หรืออาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ ต่างมีโอกาสพบการปะปนของเชื้อโรคค่ะ เช่น ปลาดิบ เนื้อหมูดิบ หอยนางรมสด หากแม่ท้องติดเชื้อทำให้เป็นอันตรายกับลูกในท้องมากค่ะ

4.ปลาทะเลที่มีสารปรอทสูง

เนื่องจากสารปรอทมีผลกับพัฒนาการและสุขภาพของลูกในท้องค่ะ ปลาทะเลที่มีปรอทสูง เช่น ปลาทูน่า ปลาอินทรีย์ ปลาฉลาม แต่สารอาหารโอเมก้า 3 และโปรตีน ยังเป็นประโยชน์กับลูกค่ะ ปลาทะเลสามารถทานได้ เช่น ปลาแซลมอน ปลากะตัก ปลาซาร์ดีน ควรทาน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ค่ะ

5.ต้นอ่อนพืชบางชนิด

ต้นอ่อนบางอย่างที่เรามักชอบทานดิบ เช่น ถั่วงอก ต้นอ่อนทานตะวัน มีโอกาสพบการปะปนของเชื้อซาลโมเนลลาได้ แม่ท้องควรทานต้นอ่อนที่ผ่านการปรุงสุกแล้วเท่านั้นถึงจะปลอดภัยค่ะ

6.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทต่างมีสารอันตรายที่เสี่ยงต่อสมองทารกในครรภ์ค่ะ และทำให้ทารกเกิดความผิดปกติต่อร่างกายขณะอยู่ในครรภ์อีกด้วย และสามารถรุนแรงได้ถึงการแท้งลูกค่ะ

7.เนื้อสัตว์แปรรูป

เนื้อสัตว์แปรรูปเช่น ไส้กรอกหรือแฮม ต่างมีโอกาสเสี่ยงต่อการปะปนของเชื้อโรคจากการผ่านกระบวนการแปรรูปค่ะ การทานที่ปลอดภัยควรผ่านปรุงสุกเท่านั้น และไม่ควรทานในปริมาณที่มากจนเกินไปค่ะ

***ดูเหมือนว่าแม่ท้องต้องระมัดระวังการกินมากขึ้นนะคะ การทานอาหารที่มีประโยชน์และปลอดภัยจะช่วยเสริมสุขภาพให้กับคุณแม่และเสริมพัฒนาการให้กับลูกในท้องค่ะ***

“คัดสรรสิ่งที่ดีมีคุณค่า เพื่อสุขภาพของแม่และลูกในครรภ์”