7 ความแตกต่างท้องแรกและท้องสอง

         ท้องแรกชิลมากๆ ทำไมท้องสองปวดน่วมขนาดนี้! อาการท้องลูกคนที่สอง แตกต่างยังไงและต้องรับมือขนาดใหน? มาดูกันเลยค่ะ

         ***เชื่อว่าคุณแม่ที่กำลังตั้งท้องสองมีความกังวลน้อยกว่าครรภ์แรก เพราะมีประสบการณ์การคลอดมาก่อน ซึ่งการท้องแต่ละครั้งก็มีความแตกต่างกันไปค่ะ มาดูกันค่ะ ว่าท้องสองแตกต่างอย่างไรบ้าง***

1.อาการปวดเตือนหนักขึ้น!!

         อาการปวดเตือนหรืออาการเจ็บท้องเตือน เกิดจากการบีบตัวของมดลูกเพื่อเตรียมการคลอดเป็นระยะๆ แล้วจะปวดถี่ขึ้นเมื่อใกล้คลอด หากคุณแม่ยังจำความเจ็บปวดในท้องแรกได้ท้องสองจะปวดหนักมากกว่าเดิมค่ะ การเปลี่ยนอริยาบทการนั่งการนอนก็จะช่วยบรรเทาได้ค่ะ

2.คลอดลูกได้ง่ายขึ้น

         สำหรับคุณแม่ที่ทำการคลอดลูกเองท้องสองจะสามารถทำคลอดได้ง่ายและรวดเร็วกว่าค่ะ เพราะท้องแรกจะต้องใช้เวลารอให้ปากมดลูกเปิด เฉลี่ย 8 ชม. และทำการคลอดภายใน 3 ชม. ซึ่งท้องสองจะใช้เวลาขยายปากมดลูกเฉลี่ยเพียง 5 ชม. และทำการคลอดใน 2 ชม.ค่ะ

3.เต้านมเปลี่ยนแปลง

         ในท้องที่สองเต้าจะมีขนาดเล็กกว่าและไม่อ่อนนุ่มเช่นเดียวกับท้องแรก แต่อาการคัดตึงเต้านมยังคงเป็นเหมือนเดิมเพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนค่ะ

4.ความรู้สึกไวเมื่อลูกดิ้น

         เนื่องจากท้องแรกเป็นครั้งแรกที่คุณแม่เข้าใจความรู้สึกของทารกในครรภ์ที่กำลังดิ้นตัว จึงทำให้ท้องสองคุณแม่จะรู้สึกแบบนี้ได้ชัดเจนมากขึ้นและลูกจะดิ้นได้ไวมากขึ้นด้วยค่ะ

5.ท้องสองขนาดใหญ่กว่า!!

         สำหรับสาเหตุนี้เกิดจากการที่ท้องแรกกล้ามเนื้อหน้าท้องได้ขยายยึดออกมาเป็นที่เรียบร้อย จึงทำให้ท้องครั้งสองนั้นขนาดท้องจะใหญ่มากขึ้นค่ะ

6.อาการแพ้ท้อง

         สำหรับอาการแพ้ท้องนี้ขึ้นอยู่กับร่างกายคุณแม่แต่ละคนค่ะ หากท้องแรกมีอาการแพ้ท้อง ท้องสองก็สามารถแพ้ท้องได้อีกหรือไม่แพ้ท้องเลย เช่นเดียวหากท้องแรกไม่แพ้ท้องท้องสองก็อาจจะแพ้ท้องได้ค่ะ

7.รู้สึกเหนื่อยล้ากว่าเดิม

         ท้องครั้งแรกเป็นการเริ่มต้นดูแลตัวเองเพื่อลูกในครรภ์และดูแลทารกหลังคลอดคนที่ 1 แต่พอคุณแม่กำลังจะมีคนที่ 2 จะเหนื่อยล้ามากขึ้น เพราะต้องดูลูกไปพร้อมกับการดูแลตัวเองไปด้วยค่ะ ดังนั้นจัดสรรเวลาและอาหารการกินให้รอบคอบนะคะ

         **และทั้งหมดนี้คือความแตกต่างของอาการตั้งท้องครั้งที่สองค่ะ ซึ่งคุณแม่จะสามารถวางแผนได้เบื้องต้นแล้วว่าจะต้องรับมืออย่างไรบ้าง ที่สำคัญการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนให้เพียงพอก็ช่วยให้ลูกในครรภ์ปลอดภัยและคุณแม่สุขภาพดีด้วยค่ะ**

“ดูแลสุขภาพคุณแม่ให้ดีที่สุด เพื่อสุขภาพของลูกน้อยในครรภ์”