คนท้องเป็นโควิด รักษาเบื้องต้นได้อย่างไรบ้าง?

**แน่นอนว่า ไม่มีใครอยากติดโควิด แต่โรคระบาดนี้อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ หากเกิดกับคนท้อง จะมีวิธีรักษาเบื้องต้นอย่างไร มาดูกันค่ะ**

สำหรับแม่ท้องที่เป็นผู้ป่วยสีเขียวที่รับการรักษาที่บ้าน หรือHome Isolation จะมีวิธีรักษาเบื้องต้นอย่างไรบ้าง มาดูกันค่ะ

1. ทานยาตามอาการ

ยาที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่ต้องทานเพื่อรักษาอาการ คือ

1.ยาแก้ปวด 

ทานพาราเซตามอล เม็ด500 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชม. ครั้งละ1-2เม็ด หรือตามแพทย์สั่ง หากกินเกินขนาด อาจทำให้เกิดพิษต่อตับได้ค่ะ ห้ามทานยาแอสไพรินนะคะ

2.ยาแก้ไอ

ให้ใช้ยาDextromethorphan ที่เป็นชื่อ romilar เท่านั้น   เพราะถ้ามีอักษรอะไรห้อยท้ายด้วย นั่นอาจผสมยาหรือสารเคมีอื่นเพิ่มเติม   ซึ่งอาจจทำให้ใช้ไม่ได้ในระหว่างตั้งครรภ์ค่ะ ถ้ามีอาการไอเยอะ สามารถกินได้ เพื่อบรรเทาอาการไอเท่านั้น และกินเฉพาะผู้ที่ยังไม่มีอาการปอดอักเสบ หากมีอาการปอดอักเสบแล้วไม่ควรทาน เพราะการกินยาแก้ไอลักษณะนี้ เหมือนเป็นการไปกดอาการไอ ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายกับร่างกายแม่ท้องได้   

3.ยาแก้แพ้ลดน้ำมูก

ยาแก้คัดจมูก ลดน้ำมูก ที่คนท้องใช้ได้อย่างปลอดภัยคือ“ คลอเฟนนิรามีน ”

(Chlorpheniramine)ค่ะ เป็นยาเพื่อช่วยลดเสมหะ ช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น สามารถบรรเทาอาการได้  ยังไม่พบว่ามีความผิดปกติกับทารกในครรภ์ แต่ยาชนิดนี้เมื่อกินเข้าไปแล้วจะทำให้มีผลข้างเคียงต่อตัวคุณแม่เองคือ มีอาการปากแห้ง รู้สึกมึนงง ง่วงนอน หรือยาแอคติเฟด (Actifed) ยาตัวนี้จะช่วยลดอาการคัดจมูกค่ะ ให้ทานเท่าที่จำเป็น หรือใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

4.ยาหยอดหรือยาพ่นจมูก

ยาพวกนี้จะช่วยบรรเทาหวัด คัดจมูก และแทบจะไม่ถูกดูดซึมไปยังลูกน้อยในครรภ์เลยค่ะ แต่คุณแม่ท้องก็ไม่ควรใช้ยาพวกนี้เกิน 10 วันนะคะ เพราะจะทำให้ดื้อยาค่ะ 

5.ยาสามัญประจำบ้านอื่น ๆ เช่น ผงเกลือแร่ เจลลดไข้

2. ติดตามอาการตนเองสม่ำเสมอ

    ให้แม่ท้อง ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อเพิ่มออกซิเจนให้ร่างกาย และนอนพักมากๆ

ติดตามอาการเสมอ โดยให้แม่ท้องใช้ปรอทวัดไข้  โดยวัดในช่วงเช้า และเย็น อุณหภูมิร่างกายไม่ควรเกิน 37.5 องศาเซลเซียสค่ะ และใช้เครื่องวัดระดับออกซิเจนในเลือด หนีบบริเวณปลายนิ้วของแม่ท้อง ซึ่งจะสามารถอ่านค่าออกซิเจนเบื้องต้นของร่างกายได้ โดยค่าออกซิเจนในเลือดทั่วไปจะอยู่ที่มากกว่า 95% การวัดออกซิเจนในเลือดจะช่วยทำให้เราสามารถทราบว่า อาการของแม่ท้องแย่ลงหรือยัง ถ้าค่าออกซิเจนต่ำกว่า 95 ต้องรีบพบแพทย์ เพื่อเข้ารับการรักษาทันที 

3. ห้ามใช้ยาฟ้าทะลายโจร

ยาฟ้าทะลายโจร เป็นยาที่คนไทยช่วงนี้ต่างพากันซื้อไปตุนไว้ที่บ้านเพื่อบรรเทาอาการโควิด19กันใช่มั้ยคะ แต่สำหรับแม่ท้องนั้น ทานไม่ได้นะคะ เพราะยาฟ้าทะลายโจร อาจมีผลทำให้แท้งได้ค่ะ ส่วนกระชายยังไม่มีผลรับรองกับคนท้องนะคะ

4. ถ้าอยู่ในช่วงให้นม งดเว้นการให้นมลูก

หากแม่ท้องมีลูกเล็กที่ยังต้องให้นมอยู่ ให้งดไปก่อนนะคะ ถึงแม้ว่า ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่า COVID-19 ติดผ่านทางรก หรือทางน้ำนม แต่หากแม่รับยาต้านไวรัส ควรหลีกเลี่ยงการให้นมลูกค่ะ 

**ถ้าแม่ท้องติดโควิดลูกในครรภ์จะติดไหม??

เด็กแรกเกิดที่มีเชื้อโควิด-19 นั้นพบได้น้อยมากเพียง 2-5 % ของคุณแม่ตั้งครรภ์ทั่วโลก และส่วนใหญ่จะไม่พบในคุณแม่ที่ติดเชื้อ โดยยังไม่มีผลวิจัยที่ชัดเจนว่าทารกได้รับเชื้อช่วงระหว่างตั้งครรภ์หรือหลังคลอด นอกจากนี้ยังไม่มีรายงานว่าการติดเชื้อโควิด-19 ทำให้มีโอกาสแท้งมากขึ้น

โดยส่วนมากอาการของทารกเมื่อติดเชื้อโควิด-19 จะน้อยมากหรือแทบไม่มีอาการ แต่หากคุณแม่เกิดติดเชื้อในช่วงอายุครรภ์อยู่ไตรมาสที่ 3 จะทำให้อาการของคุณแม่อยู่ในระดับรุนแรงได้ ในกรณีนี้จะส่งผลเสียต่อลูกในครรภ์ด้วยคะ

สำหรับคนท้อง จะไม่สามารถใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ในการรักษาเพื่อต้านไวรัสได้ เพราะยานี้ อาจทำให้ทารกในครรภ์พิการ แต่สามารถใช้ยาที่ชื่อว่า เรมเดซิเวียร์ เป็นยาต้านไวรัสที่มีผลการศึกษาว่าใช้กับคนท้องได้ค่ะ

**อย่างไรก็ตาม ต้องปฏิบัติตามที่แพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัดนะคะ เพราะอาการของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ผู้ป่วยโควิดต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษตามอาการค่ะ หากกักตัวที่บ้านและรักษาจนหายป่วยแล้ว แนะนำให้กักตัวต่ออย่างน้อย 14 วัน สุดท้ายนี้ขอให้แม่ท้องและครอบครัวปลอดภัยกันทุกคนนะคะ**

“เพราะมีลูกในท้องให้ปกป้อง แม่ท้องต้องรักษาตัวให้ปลอดภัย”