***แท้ง!! คำที่แม่ท้องไม่อยากได้ยินที่สุด แล้วคนท้องมีอาการแบบไหนเสี่ยงแท้ง ถ้าอยากรู้ห้ามพลาดคลิปนี้ แต่ก่อนที่จะไปดูคลิปอย่าลืมกดlikeตรงนี้  ใครกดแล้วขอให้ท้องนี้แข็งแรง ราบรื่นตลอด9เดือนนะคะ***

แม่ท้องทุกคนมีความกังวลถึงสุขภาพของลูกในท้อง ที่กำลังจะเกิดมาดูโลก รวมถึงมีความกังวลไม่น้อยถึงความปลอดภัย กลัวว่าจะเกิดการแท้งขึ้น  ซึ่งความกังวลเหล่านี้อาจทำให้เกิดความเครียดโดยที่คุณแม่ไม่ได้ตั้งใจ ทำใจให้ผ่อนคลายแล้วมาดูกันค่ะว่าอาการแบบไหนเสี่ยงแท้ง ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลยค่ะ

1.ปวดอุ้งเชิงกราน

หากแม่ท้องปวดอุ้งเชิงกรานและปวดท้องเหมือนปวดประจำเดือน พร้อมกับมีอาการท้องร่วง อาเจียน นี่อาจเป็นสัญญาณแท้ง แต่อาการเจ็บปวดก็อาจไม่ได้บ่งบอกว่าคุณต้องแท้งเสมอไป แต่ก็ควรรีบไปพบแพทย์อย่างน้อยหากมีอาการอื่นที่ไม่ใช่การแท้ง ก็จะได้รักษาและระงับได้ทันท่วงที โดยที่คุณแม่และลูกปลอดภัยนะคะ

2.มีเลือดไหล

การที่มีเลือดไหลออกมาจากช่องคลอด เป็นหนึ่งในสัญญาณที่บ่งบอกว่าคุณแม่อาจแท้งได้ หากมีอาการเลือดไหลต่อเนื่อง การหลั่งเลือดไม่ได้บอกว่าคุณจะแท้งเสมอไป แต่อาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น การมีเพศสัมพันธ์ รกติดอยู่ที่ปากมดลูก แต่แม่ท้องก็ควรรีบไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ

3.อาการคนท้องหายไป

ถ้าหากอยู่ๆคุณแม่หายจากอาการต่างๆ ของคนท้อง เช่น แพ้ท้อง หรือปวดเมื่อตามเนื้อตัว นี่อาจเป็นหนึ่งในสัญญาณบ่งบอกถึงภาวะแท้งบุตร วิธีที่จะตรวจสอบได้ว่าการตั้งครรภ์สิ้นสุดลงหรือยัง ก็คือ การอัลตร้าซาวน์ ดังนั้นเมื่อรู้สึกแปลกๆก็ควรตรวจสอบร่างกายตัวเอง และรีบไปปรึกษาคุณหมอนะคะ

4.อาการปวดทั่วทั้งตัว

หากแม่ท้องพบว่ามีอาการปวดหน้าอก ปวดไหล่ ปวดคอ ปวดบริเวรทวารหนัก แถมยังมีอาการหน้ามืดเป็นลม วิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง ถ้าแม่ท้องมีอาการแบบนี้ให้รีบไปหาหมอทันทีเลยนะคะ เพราะเป็นอาการของการท้องนอกมดลูกค่ะ

การแท้งสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ไปจนถึง 28 สัปดาห์ แต่ส่วนใหญ่มักเกิดในช่วงอายุครรภ์ 4-20 สัปดาห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 13 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์  คุณแม่ที่แท้งบุตรสามารถตั้งครรภ์ได้อีกครั้งทันที แต่ควรมีการเตรียมตัวทั้งทางร่างกายและจิตใจ รวมถึงควรเข้ารับคำปรึกษาเพื่อวางแผนการตั้งครรภ์กับแพทย์ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากผู้ที่มีประวัติการแท้งมักพบว่ามีความเสี่ยงมากกว่าปกตินั่นเองค่ะ

***การแท้งบุตรเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุแตกต่างกันไป อาจเกิดจากตัวคุณแม่เองที่มีมดลูกไม่แข็งแรง การที่ครรภ์ได้รับการกระแทกอย่างแรง การปรึกษาแพทย์ตลอดการตั้งครรภ์เป็นสิ่งจำเป็น จะช่วยลดความเสี่ยงจากการแท้งบุตรลงได้นะคะ***

“แม่ท้องจงหมั่นสังเกตอาการ ที่ร่างกายสื่อสารเพื่อเตือนภัย”