“ จะมีใครเข้าใจคนท้อง นอกจากคนเคยท้อง ”
แพ้ท้อง เหนื่อยง่าย เพลียง่าย หายใจลำบาก อกใหญ่ ปวดเชิงกราน น้ำหนักพุ่ง ปวดขาหนีบ
นี่แค่บางส่วนเองค่ะ เพราะคนท้องจะเกิดความเปลี่ยนแปลงทั้งร่ายกายและจิตใจ แม่ท้องทุกคนต้องเจอ หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้น แม่ท้องต้องเรียนรู้และเตรียมรับมือไว้ เมื่อมีอาการดังกล่าวเกิดขึ้น แม่ท้องจะได้เข้าใจ ไม่กังวลว่าตัวเองผิดปกติ แถมอาจช่วยให้บรรเทาอาการลงได้ค่ะ และลูกในท้องของเราเติบโตมีพัฒนาการไปอีกขั้นแล้วนะ มาดูกันค่ะว่า 9 เดือนนี้ แม่ท้องต้องเจออะไรบ้าง อยากรู้แล้วใช่ไหมคะ ตามแอดมินมาเลยค่ะ
อาการคนท้องแต่ละเดือนจะมีอะไรบ้างมาดูกันค่ะ
ตั้งท้องเดือนที่ 1: แพ้ท้องหนักมาก
อาการแพ้ท้องของแม่ท้องแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน ทั้งคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียน พะอืดพะอม บางคนมาก บางคนน้อย คนส่วนใหญ่จะสันนิษฐานว่าตัวเองท้อง เนื่องจากขาดประจำเดือน และมีการคลื่นไส้ เหมือนกับละครตอนเย็นที่นางเอกคิดว่าตัวเองท้อง ซึ่งอาการแพ้ท้องเหล่านี้ผู้หญิงจะรู้ตัวช้าหรือเร็วนั้นขึ้นอยู่กับระดับการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของร่างกายที่เรียกว่า HCG ซึ่งเจ้าฮอร์โมนHCG คือ ฮอร์โมนตั้งครรภ์ ที่ถูกสร้างจากรกหลังจากที่มีการปฏิสนธิได้ประมาณ 2 – 3 วัน เกิดเป็นตัวอ่อน แล้วตัวอ่อนก็เข้าไปฝังในผนังโพรงมดลูก ซึ่งตรงนี้เองที่ทำให้เกิด HCG จากนั้นฮอร์โมนชนิดนี้ก็จะเริ่มไหลเข้าสู่กระแสเลือดของผู้เป็นแม่ ทำให้คุณผู้หญิงสามารถทดสอบการตั้งครรภ์ที่เวลาคุณแม่ตรวจจะขึ้นเป็น2ขีดนั่นเอง โดยในแต่ละสัปดาห์ค่าฮอร์โมนตัวนี้จะมีความแตกต่างกันค่ะ
ตั้งท้องเดือนที่ 2: เหนื่อยง่าย เพลียง่าย
พอเข้าเดือนที่2แม่ท้อง จะรู้สึกมึนงง เหนื่อยง่าย บางคนเป็นหนักกว่าแพ้ท้องอีก ซึ่งความรู้สึกนี้ สามี หรือคนใกล้ตัวที่ไม่เคยท้องก็จะไม่เข้าใจ มีคนเคยพูดว่า ในช่วงที่คนท้องไตรมาสแรก คนท้องจะรู้สึกสบายดีแค่หนึ่งนาที ส่วนเวลาที่เหลืออาการจะเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน ทั้ง ๆที่เพิ่งตื่นนอนได้ไม่นาน บางทีแค่เดินซื้อของธรรมดาๆ ก็รู้สึกเหมือนผ่านการวิ่ง100x100มา สำหรับคนที่ไม่มีอาการนี้ในช่วงเดือนที่สองของการตั้งครรภ์ ยินดีกับแม่ท้องด้วยค่ะ แต่ว่าก็ต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม เพื่อรอรับอาการของคนท้องที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละเดือนนะคะ
ตั้งท้องเดือนที่ 3: หน้าอกใหญ่ขึ้น
คุณสามีถึงกับตกใจ ว่าทำไมมันบวมขนาดนี้ การที่หน้าอกใหญ่ขึ้น เป็นอีกหนึ่งสัญญาณความเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่เตรียมพร้อมสำหรับลูกในท้อง ทุก ๆวันร่างกายของแม่ท้องจะเริ่มเปลี่ยนไป ฮอร์โมนของคนท้องก็จะเข้าไปสร้างเนื้อเยื่อเต้านมที่ใช้ในการผลิตน้ำนมสำหรับลูกในท้อง และมันจะบวมขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่เด็กจะคลอดออก ทำให้เด็กทารกที่คลอดก่อนกำหนดก็สามารถกินนมแม่ได้เช่นกัน แต่เวลาที่เต้านมของคนท้องใหญ่ขึ้น อาการเจ็บปวดก็จะตามมาด้วยเช่นกันค่ะ
ตั้งท้องเดือนที่ 4: ปวดบริเวณกระดูกเชิงกราน
ในเดือนนี้ลูกในท้องจะเริ่มตัวใหญ่ขึ้น ร่างกายของแม่ท้องจึงต้องขยายอุ้งเชิงกรานขึ้นเพื่อรองรับขนาดของทารกในท้อง และช่วยในเรื่องของการคลอดลูก พร้อม ๆกับการปล่อยฮอร์โมนที่จะทำให้กระดูกบริเวณหัวหน่าวกับอุ้งเชิงกรานหลวมขึ้น แต่สิ่งที่ตามมาด้วยคืออาการปวดเวลาที่ขยับตัว ไม่ว่าจะเป็นการยืน เดิน สวมใส่เสื้อผ้า ลุกเข้าห้องน้ำ และจะเริ่มปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ จะแม่ท้องบางคนบ่นว่าทนไม่ไหว
วิธีแก้อาการปวดของแม่ท้อง คุณแม่อาจใช้สายรัดท้อง การเลือกสวมกางเกง การเลือกสวมรองเท้าที่เหมาะสม และการใช้ถุงร้อนประคบบริเวณที่ปวด ซึ่งคุณแม่ควรปรึกษาแพทย์ที่ฝากครรภ์ด้วย เพื่อประเมินวิธีลดอาการปวด และไม่ควรกินยาทุกชนิดเองหากไม่ได้รับคำแนะนำจากคุณหมอค่ะ
ปกติแล้วแม่ท้องจะมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นประมาณ 11-16 กิโลกรัม ระหว่างตั้งครรภ์ ซึ่งน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาไม่ใช่น้ำหนักของลูกในท้องเพียงอย่างเดียว เพราะมีทั้งรก หน้าอกของแม่ ไขมันที่เพิ่มขึ้น น้ำ และเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัว พอน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ร่างกายก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้น ทำให้แม่ท้องหลายคนเริ่มไม่มั่นใจในรูปร่างของตัวเอง กลัวว่าใส่เสื้อผ้าไม่สวย เพราะรู้สึกว่าตัวเองอ้วนนั่นเอง
ก่อนที่ผู้หญิงจะตั้งท้อง มดลูกจะมีขนาดเท่ากับลูกแพร์ และจะอยู่บริเวณอุ้งเชิงกราน พอมีลูกมดลูกจะมีน้ำหนักประมาณ 5-6 กก. เห็นไหมคะน้ำหนักเยอะขึ้นไม่ได้แปลว่าลูกตัวใหญ่นะคะ
คุณแม่เชื่อเถอะค่ะว่าการเปลี่ยนแปลงของร่างกายแบบนี้ แม่ทุกคนจะยินดีและมีความสุขมากมาก ๆ พอเข้าสู่เดือนที่ 6 แม่ท้องจะรู้สึกแปลกในท้องเหมือนมีปลาว่ายอยู่ในท้อง ดิ้นดุ๊กดิ๊กอยู่ในพุง ซึ่งไม่ใช้อาการแบบท้องร้องเวลาหิว หรือมีแก๊สในกระเพาะ แต่คืออาการของลูกดิ้น แม่ท้องหลายคนแรก ๆ ก็ยังไม่แน่ใจว่าอาการแบบนี้มันคืออะไร แต่พอมันเป็นบ่อยขึ้น ถี่ขึ้น และรุนแรงขึ้น แม่ท้องก็จะรู้เองว่านี้คือสิ่งที่ลูกในท้องได้แสดงตัว ทักทาย และสื่อสารถึงแม่ของเขา ผ่านผนังหน้าท้อง เวลาลูกดิ้น แม่ท้องก็อย่าลืมเรียกพ่อมาทักทายและคุยกับลูกด้วยนะคะ
ในช่วงระหว่าง 16-22 สัปดาห์ แม่ท้องจะรู้สึกปวดบริเวณเอ็นยึดมดลูก หากเอ็นยึดมดลูกยืดเร็วเกินไป จนทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทัน ส่งผลให้แม่ท้องปวดหน่วงท้องน้อยทั้งสองข้าง จะปวดมากเป็นพิเศษขณะเดินและพลิกตัวค่ะ
อาการมดลูกหดตัวแม่ท้องหลายคนไม่ทราบ ว่ามดลูกเริ่มหดตั้งแต่ตั้งครรภ์ได้ 12 สัปดาห์ และจะเริ่มเป็นมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ไตรมาสสุดท้าย โดยเฉพาะแม่ท้องที่ท้องแก่ อาการนี้แม่ท้องจะรู้สึกเหมือนปวดประจำเดือนแต่มันจะรุนแรงกว่า บางครั้งก็รู้สึกปวดจนตัวงอเป็นเวลานาน อาการนี้เรียกว่า “เจ็บท้องหลอก” เป็นสิ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นมา เพื่อให้แม่ท้อง ได้ซ้อมเจ็บท้องและเตรียมตัวก่อนที่จะเกิดการเจ็บท้องคลอดจริง ๆค่ะ
มาถึงเดือนสุดท้าย แม่ท้องคงจะตื่นเต้นมาก ๆ เพราะใกล้จะเห็นหน้าลูกในท้องแล้ว พอใกล้คลอดทารกในครรภ์จะกลับหัวลงในท่าเตรียมคลอด ท้องจะลดต่ำลง ทำให้เกิดแรงกดที่กระเพาะปัสสาวะส่งผลให้คนท้องเข้าห้องน้ำบ่อย รวมถึงความแรงกดที่อุ้งเชิงกรานที่มากขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นแม่ท้องใกล้คลอดต้องเตรียมรับมือกับความเจ็บปวดที่ถาโถมเข้ามาในช่วงสุดท้ายให้ดีนะคะ แม่ท้องอย่าลืมเช็คสัญญาณใกล้คลอดให้ดีนะคะจะได้ไปโรงพยาบาลทันค่า
** เป็นยังไงกันบ้างคะ กับอาการคนท้องในแต่ละเดือน ตรงกับคุณแม่ท้องกันบ้างรึเปล่า อาการเหล่านี้อาจเจ็บ สร้างความทรมานให้กับแม่ท้อง และคนใกล้ชิด แต่ก็แสดงว่าลูกในท้องของเราเติบโตมีพัฒนาการไปอีกขั้น อีกไม่นานเกินรอหลอกค่ะ พอเห็นหน้าลูกอาการทุกอย่าง ก็จะหายเป็นปลิดทิ้งเลยค่า**
“ แม้ลำบากเจ็บปวดก็คุ้มค่า แค่เห็นหน้ารักนี้ที่รอคอย”
บทความจาก : theasianparent
หน้าที่เข้าชม | 15,779,320 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 13,652,118 ครั้ง |
เปิดร้าน | 17 ส.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 3 ก.ย. 2568 |