คนท้องไตรมาสแรก มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง ทั้งทางด้านร่างกาย และทางอารมณ์ อาการที่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาสแรก มีอะไรบ้าง? คนท้องต้องรับมืออย่างไรดี? มาดูวิธีกันค่ะ!!!
คนท้องไตรมาสแรก มีการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง แม่ๆ รู้ไหม ไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกาย หรือทางด้านอารมณ์ การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดจากอะไร?คนท้องต้องเตรียมรับมือแบบไหน และต้องดูแลตัวเองอย่างไรเพื่อให้ลูกในท้องร่างกายแข็งแรง มีพัฒนาการที่ดีมาดูกันเลย
1. อาการแพ้ท้อง
อาการแพ้ท้อง ได้แก่ เวียนหัว คลื่นไส้ เหม็นกลิ่นอาหาร อยากกินอาหารแปลก ๆ กินไม่ลง เป็นต้น สำหรับคนไหนที่มีอาการมึนหัวโดยเฉพาะช่วงเช้าหลังตื่นนอน สามารถบรรเทาอาการนี้ได้โดยการหาขนมปังหรือบิสกิต มาไว้ที่หัวเตียง เวลาตื่นนอนใหม่ ๆ ยังไม่ต้องลุกนะคะ ให้คว้าของกินที่เตรียมไว้บริเวณหัวเตียงมากินก่อน สักพักนึงค่อยลุกขึ้นเดิน จะช่วยบรรเทาอาการมึนหัวได้
2.อาการเพลีย
เนื่องจากเวลาที่ตั้งครรภ์ในระยะแรกระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนจะพุ่งสูงขึ้น ทำให้ร่างกายรู้สึกอยากพักผ่อนอยากนอนบ่อยๆ วิธีแก้ คือ ต้องพักผ่อนมากๆ ทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และออกกำลังกายค่ะ
3.ปวดปัสสาวะบ่อย
รู้สึกปวดฉี่บ่อย ๆ เป็นหนึ่งในอาการของคนท้องที่จะเกิดขึ้นช่วง 5-6 สัปดาห์แรกหรือในไตรมาสแรกในการตั้งครรภ์ค่ะ แต่ไม่ใช่จะเป็นกับทุกคนนะคะ สำหรับสาเหตุของอาการปวดฉี่ของคนท้องนั้นเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ที่ทำให้เกิดการไหลเวียนของโลหิตในไตมากขึ้น จึงส่งผลให้กระเพาะปัสสาวะเต็มง่ายขึ้นด้วย และยิ่งการที่มีทารกเจริญเติบโตในท้องของคุณ ก็ยิ่งทำให้ร่างกายของคุณต้องสร้างโลหิตมากขึ้นตามไปด้วย จึงส่งผลให้ของเหลวในร่างกายเคลื่อนไหลไวขึ้นด้วย ทำให้คุณแม่ต้องการปัสสาวะมากขึ้นนั่นเองค่ะ
4.หน้าอกขยาย
หลังจากคุณแม่ท้องแล้วสิ่งแรกที่จะมีการเปลี่ยนแปลงก็คือฮอร์โมนของร่างกาย ทำให้คุณแม่รู้สึกว่าหน้าอกเริ่มเจ็บ คล้ายกับช่วงที่เป็นประจำเดือน หลังจากนั้นอีกประมาณ 3 สัปดาห์อาการเหล่านี้ก็จะเริ่มทุเลาลง
5.ไม่มีอารมณ์ทางเพศ
คุณจะรู้สึกไม่อยากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงไตรมาสแรกอาจจะเป็นเพราะความเปลี่ยนแปลงทางร่ายกายและอารมณ์ ความเหนื่อยล้าจากอาการแพ้ท้อง แต่ความรู้สึกนี้จะหายไปเมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ค่ะ
6.อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ
แม่ท้องอ่อนในช่วงไตรมาสแรก การเพิ่มขึ้นของระดับฮอร์โมนจะส่งผลให้คุณแม่กลายเป็นคนขี้รำคาญ หงุดหงิดกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แถมยังรู้สึกน้อยใจกับเรื่องง่าย ๆ และเอาแต่ใจตัวเองเพิ่มขึ้น บางครั้งก็เกิดอารมณ์อ่อนไหว ซึมเศร้า ร้องไห้ง่าย ๆ ซะอย่างนั้น
สิ่งสำคัญเลยคุณแม่ควรเข้าฝากครรภ์กับแพทย์หรือสถานพยาบาลใกล้บ้านหรือที่ทำงาน ทำการตรวจประเมินสุขภาพของคุณแม่และครรภ์ เพื่อให้คุณหมอตรวจหาความเสี่ยงจากการตั้งครรภ์ ดูอายุครรภ์ของทารก ตรวจหาความผิดปกติอื่นๆ และรับยาบำรุงครรภ์ เพื่อที่ลูกน้อยในครรภ์จะได้เติบโตอย่างสมวัยค่ะ